“ศิริ”เร่งเครื่อง3เรื่องใหญ่พลังงาน ประมูลปิโตรเลียม-PDP-แก้B100

“ศิริ จิระพงษ์พันธ์” รมว.พลังงานคนใหม่ แจง 3 งานเร่งด่วน ประมูลบงกช-เอราวัน-ปรับแผน PDP เพิ่มสต๊อก B100 ลั่นต้องเปิดประมูลปิโตรเลียมทั้ง 32 แหล่ง ให้ทันรัฐบาลชุดนี้

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานจากกระทรวงพลังงานเข้ามาว่า ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวถึงงานสำคัญ 3 เรื่อง ที่จะต้องเร่งดำเนินการในช่วง 3-6 เดือน ต่อจากนี้ไปก็คือ 1) การเปิดประมูลปิโตรเลียมแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ ซึ่งจะหมดอายุสัมปทานลงในระหว่างปี 2565-2566 ด้วยการใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract-PSC) ที่เตรียมจะเปิดประมูลภายในต้นปี 2561 นี้

โดยกระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่า ในเดือนมีนาคม 2561 จะสามารถประกาศเงื่อนไขการประมูล (TOR) เพื่อให้ผู้สนใจยื่นขอสิทธิ์ในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม หลังจากนั้นจะใช้เวลาอีกประมาณ 7-8 เดือน ในการพิจารณาเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประมูลระบบ PSC ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเสร็จจะต้องส่งกลับไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง แต่ ดร.ศิริยืนยันว่า การเปิดประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใต้กรอบการดำเนินงานตามโรดแมปของรัฐบาล 1 ปี หากดำเนินการไม่ทันตามกำหนด ถือว่า “ดำเนินการที่ล้มเหลวของกระทรวงพลังงาน”

ทั้งนี้ ดร.ศิริกล่าวย้ำให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ดำเนินการพิจารณาเงื่อนไขการเปิดประมูลให้รอบคอบ-รัดกุมในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายละเอียดของการรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก หลังจากเลิกพัฒนาแหล่งแล้วจะต้องทำอย่างไร ควรระบุไว้ในเงื่อนไขประมูลให้ชัดเจนด้วย

2) การปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan-PDP) ซึ่งปัจจุบันใช้แผน PDP ของปี 2558 อยู่ โดยแผน PDP ฉบับใหม่นั้นจะต้องพิจารณาถึงโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้ง 2 โครงการ คือ “กระบี่-เทพา” ที่ยังคงมีทั้งผู้คัดค้านและสนับสนุน ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย เช่น ความต้องการใช้ไฟในพื้นที่ ปริมาณสำรองไฟฟ้า รวมถึงการพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างการใช้ก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเป็นอย่างไร และจะต้องสร้างความเข้าใจและลดข้อกังวลของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกปี

และ 3) แนวทางการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จำนวน 100,000 ตัน จากปัจจุบันที่มีสต๊อกอยู่ที่ 540,000 ตัน ตามที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงพลังงานเข้ามาช่วย เพราะในขณะนี้มีผลผลิตปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณ 2 ล้านตัน เป็น 2.4 ล้านตัน/ปี เบื้องต้นกระทรวงพลังงานจะให้นำน้ำมันปาล์มส่วนหนึ่งนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้ากระบี่ และการให้ผู้ค้าน้ำมันเพิ่มปริมาณสต๊อกไบโอดีเซล (B100) เพิ่มขึ้น