
วงการปาล์มแฉต้นเหตุสต๊อกวูบ หลัง กนป.ไฟเขียวเอกชน 9 ขอส่งออกน้ำมันปาล์มดิบปี’64 ทะลุ 1.42 แสนตัน ชดเชยส่งออกเฉียด 300 ล้าน ล่าสุดยังต่อเวลาดันส่งออกต่ออีก 1.5 แสนตัน ถึง ก.ย. 65 ย้ำยังต้องคงไว้คู่ขนานประกันรายได้ป้องกันราคาตก แต่ยังคง 2 เงื่อนไข สต๊อกเกิน 3 แสนตันบวกกับราคาแพงกว่าตลาดโลกจึงส่งออกได้
แหล่งข่าวจากวงการปาล์มน้ำมันเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ 1/2565 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ได้มีมติขยายระยะเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ประจำปี 2565 ถึงเดือนกันยายน 2565 มีเป้าหมาย 150,000 ตัน
โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ราคาปาล์มยังคงมีความผันผวนกระทบต่อเกษตรกร จึงต้องพิจารณาใช้มาตรการสนับสนุนการส่งออกให้กับผู้ส่งออก กก.ละ 2 บาทนี้คู่ขนานกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม เพื่อให้มีกลไกที่จะช่วยบริหารจัดการปาล์มให้เกิดความสมดุล
“กรมระบุว่ามาตรการนี้มีไว้เพื่อเป็นกลไกเท่านั้น แต่จะได้ใช้จริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับ 2 เงื่อนไข คือ สต๊อกจะต้องเกิน 300,000 ตัน และราคาในประเทศสูงกว่าราคาตลาดในต่างประเทศจึงจะใช้ได้ หากไม่เข้าเกณฑ์ 2 เงื่อนไขนี้ก็ไม่สามารถขอรับการสนับสนุนการส่งออกได้ ซึ่งเงื่อนไขทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นหลักเกณฑ์เดียวกับที่ใช้ในโครงการสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบเมื่อปีก่อน”
สำหรับผู้ส่งออกที่ต้องการขอสนับสนุนตามโครงการจะต้องยื่นขอล่วงหน้า 30 วัน แต่คาดว่าเดือนกุมภาพันธ์นี้คงยังไม่มีการส่งออกเนื่องจากปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มล่าสุดลดลงเหลือเพียง 130,000 ตันเท่านั้นยังใช้ไม่ได้แม้ว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยจะแพงกว่าตลาดโลกแต่ก็ยังไม่เข้าเงื่อนไข
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม กนป.ยังได้รับทราบรายงานว่าโครงการสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินปี 2564 นั้นมีการใช้ไปแล้ว รวม 142,816.143 ตัน คิดเป็นประมาณ 50% ของเป้าหมายโครงการที่่กำหนดไว้ 300,000 ตัน โดยอนุมัติให้กับผู้ส่งออกที่ยื่นขอรับการสนับสนุน รวม 9 ราย คิดเป็นวงเงินสนับสนุน 285.6 ล้านบาท หรือประมาณ 47-48% ของวงเงินที่ กนป.อนุมัติไว้ 618 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563
“การสนับสนุนการส่งออกปี 2564 เพื่อลดผลิตส่วนเกินจากเดิมที่เดือนกำหนดให้ขอใช้ภายในเดือนมีนาคม 2564 และขยายมาเป็นกันยายน 2564 และสิ้นสุดโครงการขยายจากสิงหาคม 2564 เป็นธันวาคม 2564 ปรากฏว่าในช่วงระยะแรกของโครงการก่อนจะมีการขยายที่กำหนดให้ส่งออกในเดือนมีนาคม 2564 นั้นมีมาขอรับสนับสนุน 6 ราย ปริมาณ 54,583 ตัน วงเงิน 109 ล้านบาท”
“ต่อมาจึงได้ขยายต่อระยะที่ 2 ให้ส่งออกภายในเดือนกันยายน 2564 แต่สถานการณ์สต๊อกน้ำมันปาล์มมีเพียง 293,482 ตัน จึงยังไม่มีการส่งออก จนมาถึงช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 ซึ่งตอนนั้นสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเกิน 300,000 ตันแล้ว และราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยสูงกว่าตลาดโลก จึงได้ประกาศจัดสรรเงินสนับสนุนค่าบริหารการส่งออก มีผู้ส่งออกที่ได้รับการสนับสนุนเมื่อเดือนสิงหาคม 8 ราย ปริมาณ 88,233 ตัน วงเงิน 66.7 ล้านบาท”
“และเดือนกันยายน 8 ราย ปริมาณ 54,865 ตัน วงเงิน 109.7 ล้านบาท รวมกับเฟสแรก 6 ราย 54,583 ตัน วงเงิน 109.1 ล้านบาท รวมทั้งหมด (ชื่อซ้ำรายเดียวกัน) 9 ราย ต่อในช่วงเดือนธันวาคม 2564 สต๊อกน้ำมันปาล์มของประเทศก็ลดลงเหลือ 162,000 ตัน และราคาปาล์มน้ำมันก็ขยับสูงขึ้น”
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลกรมศุลกากรถึงรายชื่อผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบที่ส่งออกมากที่สุด 10 อันดับแรกของประเทศ ในช่วงปี 2564 ประกอบด้วย บจก.ปาโก้เทรดดิ้ง, บจก.ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม, บจก.ไทยทาโลว์แอนด์ออยล์, บจก.เอส.พี.โอ. อะโกรอินดัสตรี้ส์, บจก.น้ำมันพืชปทุม, บจก.แสงศิริอุตสาหกรรมเกษตร, บจก.ศรีเจริญ ปาล์ม ออยล์, บมจ.วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์, บจก.ท่าฉางสวนปาล์ม น้ำมันอุตสาหกรรม และ บจก.แสงศิริน้ำมันปาล์ม