รัสเซีย-ยูเครน: มุมมองหอการค้า-สมาคมแบงก์-ตลาดทุน ในภาวะสงคราม

สงครามรัสเซีย-ยูเครน “หอการค้าไทย” หวั่นราคาน้ำมันปรับขึ้น “ททท.” ชี้เอฟเฟ็กต์ทำนักท่องกลุ่ม FIT หาย  “สมาคมแบงก์-ตลาดหุ้นไทย” คาดเศรษฐกิจช็อกตัวระยะสั้น-ชะลอฟื้นตัว

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ความตึงเครียดสงครามรัสเซียและยูเครนที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งกดดันต่อทิศทางราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้น

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้คาดการณ์ไว้ว่าระดับราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 100-120 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นทุก ๆ 1 เหรียญ จะกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศไทย 50 สตางค์ โดยหากราคาน้ำมันแตะ 120 เหรียญสหรัฐ จะมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศไทยถึง 6 บาท

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.มีการมอนิเตอร์ความขัดแย้งสงครามรัสเซียและยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันหลังจากการกลับมาเปิดประเทศ พบว่า

นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทย จัดอยู่ในท็อป 5 ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น จะกดดันให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียหายไปได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่นิยมเดินทางด้วยตัวเอง (Free and Independent Traveler: FIT) มีการใช้จ่ายที่สูง

ส่วนนักท่องเที่ยวชาวยูเครน เป็นตลาดที่เดินทางมาในเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) ค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัวหนีหนาวมาท่องเที่ยว แต่สัดส่วนดังกล่าวเทียบไม่ได้กับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย นั่นคือวิกฤตทางตรง

ในขณะที่วิกฤตทางอ้อมคือ เส้นทางการบินเชื่อมโยงระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ต้องดูว่า สายการบินต่างๆ มีการบินผ่านน่านฟ้าแถบนั้นหรือไม่อย่างไร เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ปิดน่านฟ้าในบางประเทศ ส่งผลให้สายการบินที่เคยบินตรงต้องบินอ้อม ต้องเติมน้ำมันมากขึ้น กระทบค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวอาจตัดสินใจไม่เดินทาง

นายผยง ศรีวนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ผลกระทบหลักจากความขัดแย้งดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการยกระดับของสถานการณ์ คงต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยยังมินิมอลอยู่ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้คงเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาต่อรองที่เข้มข้น โดยใช้แอกชั่นบางอย่างในการเจรจา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเชื่อว่าคงจะเกิดการช็อกตัวแค่ระยะสั้น หมายถึงจะมีการชะลอการฟื้นตัวทางศักยภาพของเศรษฐกิจออกไป เพราะถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ยกเว้นเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่นักลงทุนต้องติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะไม่มีวิธีอื่นเลยจะรู้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงจะมากแค่ไหน และจะขยายตัวไปอย่างไร

แต่แน่นอนความขัดแย้งดังกล่าว ผลกระทบที่เกิดขึ้นชัดเจนคือ กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น จึงต้องมาพิจารณากันต่อว่าการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนจะถูกกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างไร ทั้งนี้ฝากติดตามการวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์สำนักต่างๆ ด้วย

หอการค้าไทย ประเมินน้ำมันโลกไม่ถึง 120 เหรียญ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย หลังวิกฤติโควิด-19″ จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2565) ว่า ปัญหารัสเซีย-ยูเครน ยังมองว่าสงครามไม่เกิดขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหารุนแรง น้ำมันดิบขยับเพิ่ม 1 เหรียญสหรัฐ จะทำให้น้ำมันขายปลีกในประเทศไทยปรับเพิ่ม 50 สตางต์ต่อลิตร จึงมองว่าราคาน้ำมันดิบคงไม่ขยับถึง 120 เหรียญสหรัฐต่อบาเรลล์

เพราะหากวิ่งไปดึงระดับดังกล่าวจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศพุ่งถึง 6 บาท จึงมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น หากสถานการณ์ยังไม่ยุติ รัฐบาลอาจพิจารณาหาทางดูแลราคาน้ำมันไม่ให้พุ่งสูง จนกระทบต่อหลายส่วน โดยเฉพาะต้นทุนการขนส่ง