จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ม.ค 65 เฉียด 8,000 ราย สูงสุดในรอบ 10 ปี

จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ม.ค 65 เฉียด 8,000 ราย สูงสุดในรอบ 10 ปี

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมกราคม 2565 มีจำนวน 7,972 ราย เพิ่มขึ้น 9% นับเป็นการจดทะเบียนสูงสุดในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2556 เป็นผลมาจากจำนวนธุรกิจก่อสร้าง การปลูกพืชสมุนไพรจากปัญหาโควิด จะเพิ่มขึ้น

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยผลการจดทะเบียนธุรกิจ ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนมกราคม 2565 พบว่า จำนวน 7,972 ราย เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่จำนวน 7,283 ราย และเพิ่มขึ้น 115% ซึ่งมีจำนวน 3,705 ราย เมื่อเทียบจากเดือนที่ผ่านมา

โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 29,081.96 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 914 ราย คิดเป็น 11% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 318 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า จำนวน 244 ราย คิดเป็น 3%

“จากจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนมกราคม 2565 นับเป็นจำนวนสูงสุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นผลมาจากปัจจัยการเพิ่มขึ้นของประเภทธุรกิจ เช่น ธุรกิจก่อสร้างที่มีการจัดตั้งเพิ่มที่สุด และมีสัดส่วนผลกระทบต่อการจดทะเบียนธุรกิจเช่นกัน

นอกจากนี้ จากปัญหาโควิดยังทำให้ธุรกิจปลูกพืชสมุนไพรมีการเติบโต ก็ทำให้จดทะเบียนธุรกิจเพิ่มขึ้น ธุรกิจขายส่ง และจากแนวโน้มเศรษฐกิจ การผ่อนคลายมาตรการจะส่งผลให้การจดทะเบียนธุรกิจในครึ่งปี 2565 มีจำนวน 40,000-42,000 ราย ทั้งปีคาดว่ามีจำนวน 70,000-75,000 ราย”

ทั้งนี้ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป เป็นธุรกิจที่มีผลกระทบและมีสัดส่วนประมาณ 11.5% ของจำนวนธุรกิจจัดตั้งทั้งหมดในเดือนมกราคม และเมื่อพิจารณาถึงผลกระทบในแต่ละธุรกิจต่อภาพรวมการจดทะเบียนโดยรวม พบว่า ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนถึง 5% โดยรองลงมา เป็นธุรกิจที่ได้รับผลเชิงบวกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นคือ ธุรกิจเกี่ยวกับการปลูกพืชสมุนไพร ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนประมาณ 2% และตามด้วยธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไป ที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้น 1.5%

สำหรับจำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนมกราคม 2565 มีจำนวน 999 ราย ลดลง10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีจำนวน 1,105 ราย และลดลง 83% ซึ่งมีจำนวน 5,709 ราย เมื่อเทียบจากเดือนที่ผ่านมา โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 2,447.17 ล้านบาท

ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 89 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 47 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 27 ราย คิดเป็น 3%

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนมกราคม 2565 อยู่ทั่วประเทศ จำนวน 816,033 ราย มูลค่าทุน 19.56 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 198,149 ราย คิดเป็น 24.28% บริษัทจำกัด จำนวน 616,566 ราย คิดเป็น 75.56% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,318 ราย คิดเป็น 0.16%

ขณะที่ การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนมกราคม 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 49 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 18 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 31 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,767 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 14 ราย เงินลงทุน 2,787 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 57 ล้านบาท และฮ่องกง จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 5,819 ล้านบาท