กลุ่ม ปตท. ระดมเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันดิบ เตรียมรับมือวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน

รัสเซีย ยูเครน น้ำมันดิบ

กลุ่ม ปตท. มั่นใจประเทศมีพลังงานเพียงพอ รับมือวิกฤตยูเครน-รัสเซีย ประสานโรงกลั่นกลุ่ม ปตท. สำรองน้ำมันคงคลังระดับสูงสุด พร้อมประสานเครือข่ายคู่ค้าจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เผยจากมาตรการต่าง ๆ ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 640 ล้านลิตร รวมถึงมาตรการระงับส่งออกน้ำมันดีเซลชั่วคราว

วันที่ 4 มีนาคม 2565 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์วิกฤตยูเครน-รัสเซียที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ปตท. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมความพร้อมทั้งการจัดหาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อให้มั่นใจว่าประเทศมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอและสามารถรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. ได้บริหารความเสี่ยงด้านการจัดหาน้ำมันดิบจากหลายแหล่ง โดยดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมได้แก่ การประสานงานโรงกลั่นกลุ่ม ปตท. ให้สำรองน้ำมันคงคลังในระดับสูงสุด การนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐอเมริกาประมาณ 95 ล้านลิตร โดยเก็บไว้ในถังน้ำมันที่ศรีราชา ประสานเครือข่ายคู่ค้าเพื่อเตรียมจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติอย่างน้อยประมาณ160 ล้านลิตร รวมทั้งการนำปริมาณน้ำมันที่ทำการค้าสากลเข้ามาในประเทศเพื่อสำรองด้านความมั่นคงอีกประมาณ 320 ล้านลิตร

นอกจากนี้ มีการบริหารจัดการการขนส่งน้ำมันดิบและนำระบบการติดตามการเดินเรือ (Vessel Tracking) มาใช้เพื่อให้เรือเดินทางตรงเวลา และได้เตรียมความพร้อมถังกรณีต้องจัดเก็บเพิ่มเติม โดยจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวทำให้ประเทศมีปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 640 ล้านลิตร

สำหรับการบริหารปริมาณน้ำมันสำเร็จรูป ได้เตรียมความพร้อมจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มเติม รวมถึงระงับการส่งออกน้ำมันดีเซลเป็นการชั่วคราว โดยนำเข้าน้ำมันเบนซินเฉลี่ย 30 ล้านลิตรต่อเดือน ในส่วนของน้ำมันเตา ได้นำเข้าเพื่อส่งให้กับโรงไฟฟ้าบางปะกงเดือนละ 4,000 ตัน สำหรับ LPG หากมีปริมาณความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้น กลุ่ม ปตท. พร้อมที่จะจัดหา Spot LPG เพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ

นายอรรถพล กล่าวเสริมว่า กลุ่ม ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญ และปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มความสามารถเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศทั้งในภาวะปกติ และสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงทางพลังงานทันที

อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพทางพลังงานของประเทศจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงอยู่ที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจประหยัดและรู้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย