จุรินทร์ รวมพลหามาตรการดูแลผลไม้ปี’65 รุกส่งออกดันให้โต 15%

ทุเรียน

จุรินทร์ รวมพลทุกฝ่ายหารือ “ดูแลผลไม้ปี’65 ทั้งระบบ รุกมาตรการส่งออก แก้ปัญหาด่านและหาตลาดเพิ่ม พร้อมเป้าส่งออกผลไม้โต 15%

วันที่ 23 มีนาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ปี 2565 และการแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ว่าจากการประเมินผลผลิตผลไม้ทั่วประเทศปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% หรือมีปริมาณ 5.4 ล้านตัน

โดยได้กำหนดมาตรการเชิงรุกในการผลักดันการส่งออกและดูแลผลไม้มี 17+1 โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมาตรการเปิดด่านเพิ่มขึ้นมาเป็นมาตรการที่ 18 นี้ จะเป็นการช่วยเหลือทุกฝ่ายและผลักดันการส่งออก

โดยมาตรการ 17+1 ที่ผ่านมา ดูแลผลผลิตผลไม้และมีการเตรียมตลาดรองรับไว้แล้ว 450,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะเป็นไปตามกลไกตลาด ที่เกษตรกรผลิตผลไม้ที่ได้คุณภาพ ล้งรับซื้อตามมาตรฐานและราคาที่เป็นธรรม ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกดำเนินการเตรียมการส่งออกต่อไป

สำหรับผลไม้ไทย ตลาดใหญ่คือประเทศจีน ตลาดจีนส่งออกปี 2564 มีมูลค่า 163,000 ล้านบาท ปริมาณ 2,200,000 ตัน ซึ่งการส่งออกไปจีนทำได้ 3 เส้นทางหลักมีสัดส่วน คือ ทางเรือ 51% ทางบก 48% และทางอากาศ 0.54% ดังนั้น การประชุมวันนี้ (23 มีนาคม 2565) ภาคเอกชนได้นำเสนอแนวทางแก้ปัญหาและลดอุปสรรคของการส่งออกผลไม้ โดยเฉพาะตลาดจีน ไว้ 8 ประเด็น คือ

1.เร่งเจรจากับทางการจีนขอให้ช่วยเปิดด่าน เดิมด่านที่ส่งออกผลไม้ไปจีนมี 4 ด่าน ปิดไป 1 ด่าน คือ ด่านตงซิง จึงจะขอความร่วมมือจากจีนให้ช่วยเปิดด่านตงซิง เพื่อระบายผลไม้ออกไปได้ รวมทั้งขยายเวลาเปิดด่าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกผลไม้ไทย ตนมอบให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรเจรจาต่อไป

2.ทางฝั่ง สปป.ลาวที่เราส่งผลไม้ไปจีน โดยเฉพาะเชียงของ ไปโม่ฮาน ของจีนและผ่านด่านบ่อเต็น ขอให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรและกระทรวงการต่างประเทศช่วยเจรจา ในการถ่ายรถ ซึ่งเดิม รถไทยสามารถผ่านด่านไปเชียงของและถ่ายรถครั้งเดียวที่ด่านบ่อเต็น เข้าจีนได้เลย แต่ช่วงหลังทางการ สปป.ลาวเปลี่ยนระบบให้ถ่ายรถที่ด่านเชียงของอุปสรรค คือ รถลาวมีไม่เพียงพอ จะเจรจาขอให้กลับไปเหมือนถ่ายรถที่เดียวที่ด่านบ่อเต็น หรือให้ทางการลาวเพิ่มรถ

3.การขนส่งทางเรือ ประเด็นตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายแล้ว และค่าระวางเรือยังทรงอยู่ เราอยากให้เรือใหญ่เข้ามาเทียบท่าของไทยมากขึ้น ถ้ามีมาตรการอนุญาตให้มีการถ่ายลำจะจูงใจให้เรือใหญ่เข้ามา นำตู้เข้ามาได้มากขึ้น ช่วยให้เรามีตู้ส่งออกไปได้มากขึ้น กรมการค้าต่างประเทศร่วมกับเอกชนและหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องร่วมเจรจากันให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว

4.การขนส่งทางอากาศ ตนมอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สายการบินต่าง ๆ รวมทั้งผู้ส่งออกเร่งเจรจาร่วมกัน และ EXIM Bank ในฐานะช่วยสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน ให้ต้นทุนการขนส่งทางอากาศลดลง เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออกผลไม้ปีนี้ไปยังจีน

5.เรื่องเส้นทางการขนส่งผ่านรถไฟโดยเฉพาะรถไฟลาว-จีน ซึ่งรถไฟลาวจีน จะเริ่มต้นจากหนองคายไปเวียงจันทน์และเข้าจีนที่ด่านโม่ฮาน แต่ด่านโม่ฮาน ยังไม่เสร็จต้องรอเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ตนมอบให้ทูตพาณิชย์และทูตเกษตร เจรจากับทางการ สปป.ลาว ว่าถ้าขนส่งผลไม้ผ่านรถไฟลาว-จีน เมื่อเข้าเวียงจันทน์ให้ผ่านด่านโม่ฮาน แล้วไปตรวจที่คุนหมิงทีเดียวที่เป็นจุดหมายปลายทาง หรือจะให้ตรวจที่ด่านบ่อเต็นก็ได้ เนื่องจากด่านโม่ฮานยังไม่เสร็จเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายผลไม้

6.เรื่องเวียดนามการขนส่งผลไม้ผ่านนครพนม ไปลาว ไปเวียดนามแล้วไปจีนต้องผ่านเวียดนาม จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ในวันที่ 20 เมษายน 2565 ตนจะหยิบยกประเด็นนี้ในระดับรัฐมนตรีมาเจรจากับทางการเวียดนามขออำนวยความสะดวกและช่วยลดการจราจรที่ติดขัดหน้าด่านฝั่งเวียดนาม

7.เอกชนขอให้ช่วยเจรจากับทางการจีน ประเด็นรถที่ตรวจพบโควิดที่ด่านก่อนเข้าด่านจีน ปกติจีนจะนำไปฉีดฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับและปิดด่าน ให้เจรจาว่าพ่นฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับ ยินดีให้แบล็กลิสต์ แต่ขออย่าปิดด่าน

8.เรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานช่วยเก็บเกี่ยวผลไม้ที่ภาคตะวันออก หรือจังหวัดอื่น ๆ ที่จำเป็น ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯร่วมกัน และผู้ว่าราชการจังหวัดจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายล้งเมื่อหมดฤดูผลไม้ทางภาคตะวันออกและผลไม้ภาคใต้ออกให้อำนวยความสะดวกไปรับซื้อที่ภาคใต้ด้วย

อย่างไรก็ดี เห็นว่าทุกฝ่ายทั้งเกษตรกรผู้แปรรูป ล้ง ผู้ส่งออกและส่วนราชการต้องร่วมมือกัน ช่วยหาทางออกให้การส่งผลไม้ไทยส่งออกไปตลาดในประเทศและต่างประเทศ ดำเนินการไปได้ด้วยดีที่สุด ขณะที่เป้าหมายการส่งออกผลไม้ในปี 2565 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 15% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 287,500 ล้านบาท

รายงานจากกรมการค้าภายใน ระบุว่า ผลผลิตผลไม้ปี 2565 จะมีปริมาณเพิ่มขึ้น 13% หรือประมาณ 5,426,555 ตัน สำหรับตลาดและการบริโภคผลไม้ในปี 2565 จะแบ่งออกเป็นตลาดในประเทศ 30% และตลาดต่างประเทศ 70%

โดยตลาดในประเทศจะประกอบด้วยห้าง ตลาด รถเร่ ร้านอาหารและแปรรูป และตลาดต่างประเทศ คือ จีน 65% สหรัฐอเมริกา 10% ฮ่องกง 4% เวียดนาม 3% และมาเลเซีย 1% โดยตลาดต่างประเทศนั้นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะขยายตลาดใหม่นอกจากนี้เพิ่มเติมรวมทั้งจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าผลไม้ตามด่านชายแดนอีกด้วย