เศรษฐกิจในประเทศ

พีทีรุกธุรกิจสุขภาพเปิดตัวเครื่องสำอาง

พีทีจีส่ง “จิตรมาส” ต่อยอดธุรกิจน็อนออยล์ รุก health and wellness ปั้นแบรนด์เครื่องสำอาง PAVITREE จากสารสกัดปาล์มแดง เจาะตลาดช่องทางออนไลน์ปีแรก วางเป้าหมายขยายสู่ตลาดส่งออกอาเซียน-จีน ใน 5 ปี

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.พีทีจี เอ็นเนอร์ยี (PTG) ผู้ให้บริการน้ำมันแบรนด์พีที เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดแผนงาน 5 ปี (ปี 2565-2569) เพื่อทรานส์ฟอร์มธุรกิจจากน้ำมัน (ออยล์) สู่ธุรกิจน็อนออยล์ (nonoil) เป้าหมายเพื่อเพิ่มการสนับสนุนการทำกำไร เพิ่มขึ้น 50% ในปี 2569

ทั้งนี้ พีทีจะใช้งบฯลงทุนสำหรับธุรกิจ nonoil ปีละประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท ขยายผ่านสาขาและ touchpoint รวมถึงร่วมกับพาร์ตเนอร์ และการเข้าลงทุนในบริษัท startup ต่าง ๆ โดยทุกธุรกิจทั้งหมดจะดำเนินการภายใต้ Max World ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นจาก 17 เป็น 20 ล้านคน

“บริษัท แมกซ์เวนเจอร์ บริษัทในเครือจะขับเคลื่อนการลงทุนในระยะกลางและยาว โดยการเข้าไปลงทุนในโปรเจ็กต์ต่าง ๆ เช่น Nex Pharma, Pavitree พาทัวร์ และ 360Truck

ซึ่งเป็น platform สำหรับ match รถบรรทุกที่ว่างกับผู้ที่ต้องการว่าจ้างงาน การเติบโตของ platform นี้ จะทำให้ Max World แข็งแรงขึ้น และเป็น enabler ที่ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ เติบโตขึ้น รวมถึงสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับบริษัท”

ทั้งนี้ปัจจุบันพีทีจีมี 8 ธุรกิจหลักคือ 1.ธุรกิจน้ำมันและแก๊ส 2.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 3.ธุรกิจ retail แบบที่เป็น offline to online 4.ธุรกิจขับเคลื่อนยานยนต์โลจิสติกส์และซัพพลายเชน 5.ธุรกิจซ่อมบำรุง

6.ธุรกิจสุขภาพทั้งกายและใจ เพื่อรองรับสังคมสูงวัย 7.ธุรกิจ digital platform ทั้งการเงินและ lifestyle และ 8.พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด ซึ่งธุรกิจเหล่านี้เป็น “เมกะเทรนด์” ของโลกในอนาคต

ด้านนางสาวภัทรพร วัชรเสวี โคฟาวเดอร์ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง PAVITREE ในเครือบริษัท พีทีจี เปิดเผยว่า ในแผนการพัฒนาธุรกิจน็อนออยล์ของพีทีนั้น ได้มีการเตรียมขยายไลน์สู่ธุรกิจ health and wellness ด้วย

ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้จะอยู่ภายใต้บริษัท จิตรมาส จำกัด จากเดิมที่บริษัทนี้เป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารจิตตมาศ ซึ่งตอนนี้กระแสเรื่องสุขภาพ และการเข้าสู่สังคมสูงวัยเกิดขึ้น จึงมองถึงโอกาสการขยายสู่ธุรกิจนี้

โดยเริ่มต้นจากการลงทุนทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบรนด์ PAVITREE ซึ่งเป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมสกัดมาจากปาล์มแดง ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2020 เริ่มทดลองวิจัยและพัฒนา ปี 2021 เริ่มออกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง ประกอบด้วย ครีมอาบน้ำ ครีมบำรุงผิว ทริเปิล เซรั่ม บูสเตอร์, คลีนซิ่งครีม และจะวางตลาดปีนี้เป็นปีแรก

“จุดเริ่มต้นของการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากที่ได้ไปเห็นปัญหาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งเมื่อได้รับการรักษาโดยการฉายรังสีแล้ว จะทำให้กลุ่มนี้มีผิวหนังที่แห้ง และเราก็พบว่าเขาต้องการผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่ขายทั่วไปตามท้องตลาด

เพราะผลิตภัณฑ์ในตลาดอาจจะมีสารเคมีและสารสังเคราะห์อื่น ๆเกิดมาเป็นโปรเจ็กต์ร่วมกันและทำร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เราก็ได้จ้างนักวิจัยให้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เราในลักษณะที่แตกต่างไปจากท้องตลาด จุดแข็งก็คือ เราพยายามจะใช้พรีแอ็กทีฟที่เป็นธรรมชาติจากปาล์มแดง

ไม่มีปัญหากับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อผู้ใช้ เราจึงให้ความสำคัญกับการวิจัยมาก และได้รับการจดสิทธิบัตรกระบวนการสกัดสารในปาล์ม ที่ยังคงคุณค่าให้วิตามินอี แคโรทีนอยด์ โคคิวเท็น วิตามินเอมีสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อผิว ขณะที่กระบวนการผลิตเราได้ใช้โรงงานโออีเอ็มที่มีมาตรฐานสากลทั้ง GMP และ ISO และมาตรฐานสากลต่าง ๆ ครบถ้วน”

สำหรับแผนการวางตลาดนั้น บริษัทมีเป้าหมายจะจำหน่ายในตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยในปีแรกบริษัทได้เริ่มวางตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน ทั้ง www.pavitree.com, line shop, Facebook, Shopee ขณะที่ช่องทางออฟไลน์ทางพีทีกำลังจะทำร้านขายยาในสาขาของสถานีบริการน้ำมันชื่อว่า Nex Pharma ด้วย

โดยจะเริ่มสาขา Max Park ซึ่งจะเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์สาขาแรกที่ถนนบรมราชชนนี มีขนาดใหญ่ประมาณ 9 ไร่ นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการเตรียมทำตลาดร่วมกับโรงพยาบาลและร้านขายยาต่าง ๆ ที่จำหน่ายเครื่องสำอางและเวชสำอาง

“กลยุทธ์การทำตลาดที่สำคัญ บริษัทมองว่าจะมีการใช้อินฟลูเอนเซอร์ ที่เน้นเรื่องธรรมชาติมาแนะนำผลิตภัณฑ์ความมั่นใจว่าด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์น่าจะทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อได้ หากใช้ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์จะเห็นผลที่ดีขึ้นเป็นหลักก่อน

ส่วนเป้าหมายการวางตลาดในปีแรกก็มุ่งจะสร้างการ awareness ให้คนรับรู้ในแบรนด์เรามากที่สุด หลังจากนั้นก็มีแผนที่จะทำตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านและประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ด้วยภายใน5 ปี ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้บรรลุตามเป้าหมายการผลักดันธุรกิจน็อนออยล์ที่ขับเคลื่อนโดยพีทีจี”