“สนธิรัตน์” เตรียมขึ้นบัญชี “ยางพารา” เป็นสินค้าควบคุมใช้มาตรการกฎหมายแก้ปัญหาราคาตกต่ำ

แฟ้มภาพ

“สนธิรัตน์” เตรียมขึ้นบัญชี “ยางพารา” เป็นสินค้าควบคุมใช้มาตรการกฎหมายแก้ปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมทำหนังสือถึงคลังขอเพิ่มร้านธงฟ้าประชารัฐอีก 20,000 แห่ง เป็น 40,000 แห่ง หวังใช้เป็นช่องทางช่วยสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการทำงานให้กระทรวงพาณิชย์ว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตั้งคณะทำงานไปศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการดึงสินค้ายางพาราเข้ามาอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม เพื่อนำมาตรการทางกฎหมายมาใช้แก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ซึ่งจะมีการให้แจ้งสต๊อกสินค้า และกำหนดมาตรการในการดูแล และหากจำเป็นต้องกำหนดราคาแนะนำก็จะดำเนินการ

“เรื่องการใช้มาตรการทางกฎหมาย หลังจากสินค้ายางพาราเป็นสินค้าควบคุมจะดูตามความเหมาะสมและความจำเป็น”

นายสนธิรัตน์กล่าว ในวันที่ 22 ธ.ค. จะมีการหารือกับทางรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในการปรับโครงสร้างสินค้าเกษตรทั้งระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ถือเป็นการบูรณาการทำงานทั้งระบบ และเป็นไปตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ทำงานเป็นตัวกลางประสานกับหลายกระทรวงฯ เพื่อดูแลราคาสินค้าเกษตรหลายรายการ

นอกจากนี้ จะใช้กลไกร้านธงฟ้าประชารัฐเพื่อเป็นช่องทางให้กับสินค้าเกษตร และสินค้าชุมชนในการจำหน่าย เพราะเมื่อผลิตแล้วไม่มีช่องทางให้สินค้าเหล่านี้วางขาย จะมีปัญหาทางด้านราคาตามมา ซึ่งกระทรวงฯตั้งเป้าหมายให้ร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ให้กับสินค้าเหล่านี้ โดยล่าสุดมีร้านธงฟ้าประชารัฐแล้วจำนวน 20,000 แห่ง

อย่างไรก็ตาม ได้รายงานนายสมคิด ที่จะเพิ่มเป้าหมายร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเพิ่มอีก 20,000 แห่ง เป็น 40,000 แห่ง โดยล่าสุดได้ทำหนังสือไปถึงรมว.การคลัง เพื่อขอเพิ่มจำนวนร้านธงฟ้าประชารัฐ 2 หมื่นแห่ง เพื่อให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะขออนุมัติงบประมาณกลางในการนำมาจัดซื้อเครื่องรูดบัตร (อีดีซี) มาติดตั้งในร้านธงฟ้าประชารัฐอีก 20,000 แห่ง

“หัวใจสำคัญของร้านค้าธงฟ้าประรัฐ ซึ่งเป็นร้านโชห่วย ทำอย่างไรที่จะต้องพัฒนาให้ร้านเหล่านี้ทันต่อสถานการณ์การค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยแผนต่อไปคือการผลักดันให้ร้านโชห่วยเหล่านี้เป็นร้านไฮบริด หรือการนำเทรดและอี-คอมเมิร์ซ มาผสมผสานด้วย ซึ่งในอนาคตจะหารือกับนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่จะนำร้านค้าโชห่วยในการพัฒนาของกระทรวงพาณิชย์ 18,000 แห่ง ใช้ประโยชน์จากโครงการเน็ตชายขอบ ในการขายค้าผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซ ด้วย” นายสนธิรัตน์กล่าว