“สมคิด” สั่ง “พาณิชย์” ลุยยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจ ตั้งเป้าดึงจีนหนุนลงทุนอีอีซี ม.ค. 61

“สมคิด” สั่ง “พาณิชย์” ลุยยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจ ตั้งเป้าดึงจีนหนุนลงทุนอีอีซี ม.ค. 61 พร้อมวางยุทธศาสตร์เจรจาฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษหลังอียูฟื้นความสัมพันธ์ ด้านส่งออกพ.ย.พุ่ง 13.36% ทำ 11 เดือนส่งออกโต 10.01% คาดทั้งปีโตแตะ 10%

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้สั่งการให้วางแผนยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจ (Strategic Partnership) กับประเทศคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง โดยงานเร่งด่วนงานแรกในเดือนม.ค. 2561 จะเป็นการเจรจาในระดับรองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจไทย-จีน ซึ่งจะต้องทำแผนว่าจะเจรจาอะไรกับจีน แต่ไม่ใช่การไปขายข้าว ขายยาง แบบเดิม แต่ต้องมียุทธศาสตร์อย่างอื่นมาเชื่อมกับนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) ของจีนอย่างไร รวมถึงการเชื่อมกับเขตเศรษฐกิจพิเศษจูไห่ ที่เชื่อม 3 เมืองฮ่องกง มาเก๊า จูไห่ เพราะจะเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่มีโอกาสทำการค้า การลงทุนสูงมาก

“เรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) สำคัญมาก ไทยต้องดึงจีนมาลงทุนให้ได้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ดึงญี่ปุ่นมาลงทุนได้แล้ว ตอนนี้ต้องรีบไปหาว่าแต่ละมณฑล มีอะไร แล้วดึงเข้ามาลงทุน ฮ่องกงด้วย เพราะตอนนี้ยักษ์ใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง จีนก็ใช้ฮ่องกงเป็นหัวหอก ต้องดึงมาให้ซัพพอร์ตอีอีซี เพราะนโยบายของจีนก็ชัดเจน โดยประธานาธิบดีจีน พูดถึงอีอีซี ถ้าดึงจีนมาได้อีกประเทศหนึ่ง ประเทศที่เหลือเรื่องเล็กฝากไว้จริงๆ เรื่องนี้สำคัญ”นายสมคิดกล่าว

ด้านยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศอื่นๆ ที่ผ่านมา ไทยทำกับจีน ญี่ปุ่น อินเดีย อาเซียนมาแล้ว ประสบความสำเร็จด้วยดี จากนี้ต้องมุ่งไปยุโรป เพราะตอนนี้ยุโรปเปิดกว้างสำหรับไทย ควรจะทำแผนให้ชัดเป็นรายประเทศเลยว่าจะคุยกับใครก่อน ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ จะร่วมมือกันยังไง ต้องมีแผนให้ชัดจะคุยเรื่องอะไร ต้องการความร่วมมือด้านไหน

นอกจากนี้ ให้เร่งขยายแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ โดยเฉพาะ thaitrade.com จะต้องทำให้เป็นที่รู้จัก และให้มีส่วนช่วยผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการค้าขายออนไลน์ได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่ การดูแลราคาสินค้าให้ตั้งผู้บริหารขึ้นมาดูแลสินค้าเกษตรเป็นรายตัว ทำหน้าที่ประกบกับมิสเตอร์สินค้าเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาด และให้ขยายความร่วมมือไปถึงกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อผลักดันให้แหล่งผลิตสินค้า เช่น โอท็อป เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องทำงานเชื่อมโยงกัน

นายสมคิด กล่าวว่า การดูแลค่าครองชีพและการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก ขอให้เพิ่มจำนวนร้านธงฟ้าประชารัฐ เพื่อเป็นทางเลือกในการซื้อสินค้าให้กับประชาชน ซึ่งได้สนับสนุนให้กระทรวงพาณิชย์หารือกับกระทรวงการคลัง ในการเพิ่มงบประมาณติดตั้งเครื่องรูดบัตรเพิ่มเติมอีก 20,000 ร้าน และให้เข้าไปช่วยพัฒนาร้านโชห่วยให้เป็นโชห่วยไฮบริด โดยต้องผลักดันให้โชห่วยสามารถค้าขายออนไลน์ เป็นจุดรับซื้อสินค้าจากเกษตรกรและผู้ผลิตในชุมชน ก่อนนำไปจำหน่ายและกระจายต่อ

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ดึงอดีตผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เช่น นายเกริกไกร จีระแพทย์ นายการุณ กิตติสถาพร นางจันทรา บูรณฤกษ์ เป็นต้น ให้เข้ามาช่วยงาน เพราะคนเหล่านี้มีประสบการณ์ในการทำงานและมีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทั้งด้านการเจรจาการค้า มีความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ซึ่งต้องให้คนเหล่านี้ช่วย เพราะบางที คนของเราที่มีอยู่อาจจะเข้าไม่ถึง ไม่ใช่ปล่อยให้คนเหล่านี้ไปอยู่กับภาคเอกชน ต้องดึงมาช่วยงานรัฐบาลด้วย

นายสมคิด กล่าวถึงการส่งออกสินค้าไทยเดือนพ.ย.ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.36% ส่งผลให้การส่งออกช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.01% ทำให้คาดว่าทั้งปี 2560 การส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 10% ส่วนการส่งออกในปี 2561 ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไปประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) มาจัดทำข้อมูลและนำเสนอ ซึ่งหากการส่งออกในปี 2560 ขยายตัวได้ถึงระดับ 10% การส่งออกในปีหน้าก็ต้องขยายตัวอยู่ในระดับที่ดีเหมือนกัน

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การส่งออกในเดือนพ.ย.ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.36% คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 21,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ 11 เดือน การส่งออกมีมูลค่ารวมประมาณ 2.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยเหลือระยะเวลาอีกเพียง 1 เดือน คือเดือนธ.ค. หากการส่งออกเดือนสุดท้ายได้ประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้การส่งออกทั้งปี 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10%