เกษตรฯ ร่วมขับเคลื่อนกาฬสินธุ์โมเดล กระตุ้นรายได้ภาคครัวเรือนพ้นความยากจน

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสประชุมร่วมกับพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการขับเคลื่อนกาฬสินธุ์โมเดล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ว่า ได้สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ในจังหวัดกาฬสินธุ์ร่วมกันขับเคลื่อนกาฬสินธุ์โมเดล ซึ่งเป็นจังหวัดแรกที่รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องที่จะนำมาใช้เป็นโมเดลแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน เพื่อยกระดับได้รายประชาชน

ซี่งมีรายได้เฉลี่ยในปี 2560 เพียง 50,400 บาท/คน/ปี เพิ่มขึ้นอีก 7% ในปี 2561 หรือ 54,400 บาท/คน/ปี และปี 2561 เพิ่มอีก 10% เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 56,000 บาท/ปี ตามเป้าหมายรัฐบาล ทั้งการสนับสนุนจากส่วนกลาง และการวิเคราะห์ปัจจัยจากในระดับพื้นที่

โดย 1.มอบหมายรองปลัด กระทรวงเกษตรฯ นายธนิตย์ เอนกวิทย์ ตรวจสอบอัตรากำลังข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ทุกหน่วยงานในจังหวัดกาฬสินธุ์ว่ามีครบถ้วนตามกรอบอัตรากำลังหรือไม่ โดยห้ามข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ไปช่วยราชการที่อื่น โดยเฉพาะเกษตรอำเภอและเกษตรตำบล เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจน

2. มอบหมายผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ และผู้ตรวจราชการกรมในหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดกาฬสินธุ์อย่างน้อยเดือนละครั้ง และรายงานผลการติดตามมายังกระทรวงเกษตรฯประจำทุกเดือน พร้อมทั้งติดตามผลงานในปี 60 และแผนงานปี 61 ว่าได้มีการดำเนินการตามแผนหรือไม่อย่างไร

เช่น โครงการสนับสนุนแหล่งน้ำของกรมชลประทาน ​ส่วนที่สอง คือ การวิเคราะห์ปัจจัยเกี่ยวข้องที่ส่งผลต่อความยากจนของเกษตรกร แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 กลุ่มเกษตรกรที่ถูกเอาเปรียบจากกลุ่มนายทุน เช่น การทำสัญญากับนายทุน หรือการกู้หนี้นอกระบบ 2.ปัจจัยการดำเรงชีวิตของเกษตรกรเองไม่เหมาะสม เช่น ขาดอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร พื้นที่การเกษตรไม่เหมาะสม ความแห้งแล้ง น้ำ องค์ความรู้ในการต่อยอดอาชีพทางการเกษตร และ กลุ่มที่ 3 ด้านชีวิตความเป็นอยู่รายบุคคล และครัวเรือน เช่น สภาพแวดล้อมทางสังคม หรือ ปัญหายาเสพติด ซึ่งเมื่อแยกเป็นสามกลุ่มหลักแล้ว จะสามารถกำหนดแผนงานและการให้การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ ขณะเดียวกัน การดำเนินการไม่เพียงมุ่งเน้นเฉพาะแสวงหารายได้เท่านั้น แต่ให้มีการพิจารณาเรื่องการลดรายจ่ายในครัวเรือน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มาขับเคลื่อนควบคู่กันด้วย รวมทั้งการขยายผลจิตอาสาโครงการพระราชทานในรัชกาลที่ 10 ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเกษตรกรที่ยังทำการเกษตรแบบดั้งเดิม กับเกษตรกรรุ่นใหม่ สมาร์ทฟาร์มเมอร์ หรือเกษตรกรต้นแบบ เข้ามาเป็นผู้ช่วยให้การสนับสนุนการทำงานของเกษตรจังหวัดเกษตรกรตำบล เพื่อร่วมสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ และการพัฒนาการเกษตรต่อสู้ความยากจนอีกด้วย

สำหรับในช่วงบ่ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมคณะได้เดินทางต่อไปยังฝายลำห้วยค้อ บ้านนาโก ต.นาโก อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเยี่ยมแปลงเกษตรทฤษฏีใหม่ด้วยระบบน้ำหยดโดยใช้พลังงานแสง อาหิตย์พื้นที่ได้รับประโยชน์ 40 ไร่ เกษตรกรจำนวน 13 ครัวเรือน ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการร่วมกับมูลนิธิปิดทองในการให้การสนับสนุนงบประมาณ และตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรทฤษฏีใหม่ในรูปแบบหลุมพอเพียงบ้านหนองแมวโพง ต.หนองใหญ่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ซี่งได้มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ กรมชลประทาน และกรมพัฒนาที่ดิน พิจารณาขยายผลระบบการบริหารจัดการน้ำและการส่งเสริมการเกษตรทฤษฏีใหม่ที่ภาคเอกชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมโดยเฉพาะระบบตลาดไปยังพื้นที่ที่มีความเหมาะสมให้แก่เกษตรกรให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วย