น้ำมันเครื่องบินจากสาหร่าย นวัตกรรมใหม่ญี่ปุ่น

ทึ่ง! ญี่ปุ่นแปรรูปสาหร่ายเป็นน้ำมันเครื่องบินเร่ง เกษตรฯ เร่งส่งเสริมเกษตรพลังงานเกษตรอาหารตัวใหม่ ผนึกความร่วมมือญี่ปุ่น แปรรูปสาหร่ายเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและอาหาร ตั้งเป้าเดินเครื่องในไทยทันทีปีนี้

วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 รายงานจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว ระบุว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ วิวิธเกยูรวงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงโตเกียว นายโชติ พึงเจริญพงศ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ศึกษาดูงานการผลิตสาหร่ายเป็นน้ำมันเครื่องบินที่บริษัท ชิโตเซะ (CHITOSE) เมืองคาวาซากิ จังหวัดคานางาวะ

โดยมีนางริเอะ คุจิมิยะ (Rie Kugimiya) ประธานฝ่ายปฏิบัติการ และคณะให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอผลงานการวิจัยและพัฒนาสาหร่ายของบริษัท ชิโตเซะ พร้อมนำชมห้องแล็ปปฏิบัติการผลิตสาหร่ายในระบบปิด เพื่อแปรรูปเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพทดแทนพลังงานจากฟอสซิลตามแนวทางพลังงานสีเขียวเพื่อความยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายในการแปรรูปสาหร่ายเป็นอาหารประเภทโปรตีนจากพืช (plant based protein) และผลิตภัณฑ์ชีวภาพอื่น ๆ โดยขณะนี้ได้จัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือกับหลายประเทศและพร้อมร่วมมือกับทางการไทย และเอกชนของไทยโดยมีคอนเซ็ปต์ “Cultivate The Earth”

ทางด้านนายอลงกรณ์กล่าวว่า ยินดีต่อความสำเร็จของบริษัทชิโตเซะในการวิจัยและพัฒนาที่ก้าวหน้าจนเกิดนวัตกรรมชีวภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น แปรรูปสาหร่ายเป็นน้ำมันเครื่องบิน (Jet Fuel) และชีวภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งวิสัยทัศน์และแนวทางของบริษัท ชิโตเซะสอดคล้องกับนโยบาย BCG Mode (Bio-Circular-Green Economy) ของรัฐบาลไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ภายใต้นโยบายเกษตรอาหารเกษตรพลังงานและนโยบายอาหารแห่งอนาคต ซึ่งกรมประมงเริ่มเดินหน้าแล้วในปีนี้

โดยส่งเสริมสาหร่าย ทะเล (Seaweed) และสาหร่ายน้ำจืด (Freshwater Algae) เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เพราะเลี้ยงง่าย โตไวให้ผลผลิตเร็ว มีน้ำมันและโปรตีนสูง รวมทั้งมีกรดอะมิโนและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีคุณค่าทางสารอาหาร เหมาะกับการนำมาเป็นอาหารทางเลือกใหม่ทั้งอาหารคน และอาหารสัตว์ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นน้ำมันชีวภาพ เครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์สู่เกษตรมูลค่าสูง ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ใหม่ให้เกษตรกร

นอกจากนี้สาหร่ายยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยลดภาวะโลกร้อนจากผลกระทบของก๊าซเรือนกระจก โดยมอบสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว เป็นผู้ประสานความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับบริษัทชิโตเซะต่อไป

สำหรับโครงการผลิตสาหร่ายเพื่อแปรรูปสร้างมูลค่าสู่เกษตรมูลค่าสูงเริ่มดำเนินการทันทีปีนี้ โดยต่อยอดนวัตกรรมงานวิจัยของ สวทช. กรมประมง ศูนย์เอไอซี (AIC) และเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากรมประมงร่วมกับมูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมท และมูลนิธิเวิลด์วิว อินเตอร์เนชั่นแนล ได้จัดการสัมมนาเรื่อง “อนาคตสาหร่ายทะเลในประเทศไทย Seaweed : The Next Future” มีองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หน่วยงานวิจัยและภาครัฐภาคเอกชนของไทยและต่างประเทศเข้าร่วมจำนวนมาก