ผวาเศรษฐกิจถดถอย ฉุดราคาน้ำมันดิบ Q3 โรงกลั่นเตรียมขาดทุนค่าการกลั่น

โรงกลั่นน้ำมัน
File Photo : (Photo by Mark Felix / AFP)

วงการโรงกลั่นเตรียมพร้อม สัญญาณน้ำมันดิบโลกร่วง เหลือ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จ่อขาดทุนอีกรอบ Q3-Q4 ผวาเศรษฐกิจโลกถดถอย

วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 แหล่งข่าวในวงการอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน เปิดเผย สถานการณ์ราคาน้ำมันล่าสุด ปัจจุบัน ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นปรับลดลง เนื่องจากคาดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้น โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบดูไบลดลงถึง 58%

ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบลดลง 41% ส่งผลให้ค่าการกลั่นของสิงคโปร์ปรับลดลงประมาณ 19 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (ลดลง 63%) จากระดับสูงสุดในช่วงปลายเดือน มิ.ย. 65

สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน (เบนซิน แก๊สโซฮอล์ E10 และ E20) หน้าปั๊มปรับลดลงมาถึง 5.1 บาทต่อลิตร สำหรับน้ำมันกลุ่มดีเซล จะเห็นว่าราคาหน้าปั๊มยังคงตรึงอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร แต่เงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.56 บาทต่อลิตร จากเดิมที่เคยชดเชยถึง 11.84 บาทต่อลิตร

ส่วนคาดการณ์ราคาน้ำมันนั้น แนวโน้มราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป ในช่วงครึ่งปีหลัง (ไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2565) หลายฝ่ายคาดว่ายังมีความเสี่ยงหลายด้าน และผันผวนสูงต่อเนื่อง

“มีการคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์จะทรุดตัวลงแตะระดับ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปลายปีนี้ และดิ่งลงสู่ 45 ดอลลาร์สหรัฐในปลายปีหน้า หากเศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน”

โดยสัปดาห์ล่าสุดราคาน้ำมันดิบปรับลดลงมากกว่า 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันสำเร็จรูปปรับลดลงมากกว่า 35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากความกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะหลังจากจีนกลับมาปิดเมืองบางส่วนอีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศทั่วโลก ทั้งสหรัฐ ยุโรป และเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเติบโตช้าลง หรือมีความเสี่ยงที่โลกจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย และกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมัน รวมถึงราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรนำค่าการกลั่นรายวัน มาเปรียบเทียบกัน เพราะจะสร้างความสับสนให้กับประชาชน

“ราคาน้ำมันเป็นราคาที่มีความผันผวนสูง ที่ผ่านมาเพียง 2 สัปดาห์ ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลเทียบกับน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงกว่า 50% (ดังแสดงในตารางด้านล่าง) การนำราคาน้ำมันและค่าการกลั่นรายวันมาเปรียบเทียบกันนั้น ไม่สามารถบ่งบอกถึงกำไรของโรงกลั่นน้ำมันได้ และจะทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนได้”

ทั้งนี้ เพราะมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันและค่าการกลั่นในแต่ละวัน ยกตัวอย่าง เช่น 1.อัตราแลกเปลี่ยน จากสถานการณ์ที่ค่าเงินบาทลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย 2.อุปสงค์และอุปทานของตลาดน้ำมันดิบ 3.อุปสงค์และอุปทานของตลาดน้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น

ดังนั้น การเปรียบเทียบราคาน้ำมันและค่าการกลั่นสำหรับการวิเคราะห์กำไรของโรงกลั่นน้ำมัน ควรพิจารณาในลักษณะที่เป็นค่าเฉลี่ยในระยะยาว เช่น รายปี

เนื่องจากราคาน้ำมันและค่าการกลั่นมีความผันผวนสูง การนำค่าการกลั่นระยะสั้น เช่น รายวัน รายเดือน หรือรายไตรมาส  มาเปรียบเทียบกัน จะสร้างความสับสนให้กับประชาชน

“การนำสถานการณ์ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นสูงขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ มาเปรียบเทียบกัน และมากล่าวอ้างว่าโรงกลั่นทำกำไรมากเกินควร แล้วเรียกเงินจากค่าการกลั่นส่วนเกินจากโรงกลั่นน้ำมันนั้นคงไม่ถูกต้อง เราจะต้องพิจารณาสถานการณ์ระยะยาวเนื่องจากตลาดน้ำมันมีความผันผวนสูง


จากการคาดการณ์ราคาน้ำมันจะลดลงในช่วงปลายปีของซิตี้ กรุ๊ป และในตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า โรงกลั่นน้ำมันต่าง ๆ จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการขาดทุนสต๊อกน้ำมันในช่วงไตรมาส 3 และ 4  ซึ่ง ณ ขณะนั้น คงจะไม่มีใครมาเรียกร้องว่ารัฐบาลจะเข้ามาช่วยโรงกลั่นน้ำมันอย่างไรบ้าง”