หอสมุด มธ.หมุนตามโลก นำไอทีหนุนการเรียนรู้

หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับมอบใบรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2015 จากบริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมเผยพฤติกรรมผู้ใช้ห้องสมุดเปลี่ยนแปลงไปตามการพัฒนาของเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยจึงกำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนา โดยนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสนับสนุนการให้บริการและการเรียนรู้ทุกที่ ทุกเวลา หรือ ubiquitous learning

“ผศ.เอกรินทร์ ยลระบิล” ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ทางหอสมุดได้วางแนวทางในการจัดการระบบบริหารคุณภาพตามข้อกำหนด ISO 9001 : 2015 ในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ เพื่อพัฒนาความสามารถในการจัดหาทรัพยากรสารสนเทศ ให้บริการตามความต้องการของผู้ใช้บริการ และมุ่งสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการ รวมถึงมีการปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของระบบบริหารคุณภาพ และกฎระเบียบของส่วนราชการ

โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ก.ย. 2559 และผ่านการรับรองเมื่อเดือน พ.ย. 2560 ซึ่งปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ คือ บุคลากรที่มีศักยภาพในการพัฒนา และเข้าใจงานทุกส่วนของหอสมุด รวมถึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และร่วมมือกันพัฒนาระบบการทำงาน และคุณภาพของห้องสมุดอย่างจริงจัง จนสามารถบรรลุตามแผนที่วางไว้

“หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้บริการ พบว่ามี 3 กลุ่ม คือ นักศึกษาปริญญาตรี นักศึกษาปริญญาโทและนักวิจัย และอาจารย์และบุคลากร โดยพฤติกรรมการใช้บริการแบ่งออกเป็น กลุ่มแรก คือ ผู้มาห้องสมุดเพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานหรือกิจกรรมส่วนตัว แต่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรข้อมูลในห้องสมุด กลุ่มที่สอง มีการผสมผสานกันระหว่างการใช้ทรัพยากรกับการใช้พื้นที่ห้องสมุด และกลุ่มที่สาม เป็นกลุ่มที่ไม่ได้เข้าห้องสมุด แต่ใช้ทรัพยากรของห้องสมุดผ่านฐานข้อมูลออนไลน์ที่เข้าถึงได้ด้วยอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ”

“ผศ.เอกรินทร์” กล่าวเพิ่มเติมว่า ความท้าทายที่สำคัญคือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ห้องสมุดจึงต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานอยู่เสมอ รวมถึงต้องบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดต่าง ๆ

ดังนั้น วิสัยทัศน์โดยรวมในการพัฒนาห้องสมุดจึงเป็นการปรับปรุงการให้บริการให้มีคุณภาพ สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย เพื่อให้ห้องสมุดสามารถสนับสนุนการเรียนรู้ การวิจัย และการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม

“ขณะเดียวกันต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ห้องสมุดเป็นระบบดิจิทัลมากที่สุด ในการรองรับการใช้บริการแบบทุกที่ ทุกเวลา ด้วยทุกอุปกรณ์สื่อสาร เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการสามารถศึกษาหาความรู้และใช้บริการต่าง ๆ ของห้องสมุดได้ทุกที่ ทุกเวลา หรือที่เรียกว่าเป็น ubiquitous learning นอกจากนี้ ภายในห้องสมุดอาจจะต้องมีการจัดโซนนิ่งใหม่ ให้มีพื้นที่สำหรับการสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากขึ้น”

เพื่อสร้างบรรยากาศของความเป็น ubiquitous learning ให้ได้มากที่สุด