เรียนคณิตฉบับ “สิงคโปร์” S.A.M ชูกระบวนการคิดเป็นระบบ

คงไม่มีข้อกังขาหากจะบอกว่าหลักสูตรวิชาคณิตศาสตร์ของประเทศสิงคโปร์ถือว่า “แข็งแกร่ง” ซึ่งจากการวิจัยของ The Trends in International Mathematics and Science Study (TIMSS) ระบุว่าสิงคโปร์มีผลคะแนนอยู่ในระดับสูงสุดของโลกตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้นานาประเทศยอมรับถึงมาตรฐานโดยสหรัฐอเมริกาและยุโรปได้นำหลักสูตรคณิตศาสตร์ของสิงคโปร์ไปใช้ในโรงเรียนอย่างแพร่หลาย

สำหรับประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติที่เป็นหลักสูตรสิงคโปร์ รวมถึงมีสถาบันจากสิงคโปร์ที่ส่งออกหลักสูตรคณิตศาสตร์เข้ามายังไทยด้วย อย่างสถาบัน S.A.M สิงคโปร์แมทส์ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2010 มีศูนย์การศึกษา 140 ศูนย์ ใน 16 ประเทศทั่วโลก โดยเปิดตัวในไทยเมื่อปี 2013 ปัจจุบันมีทั้งหมด 33 ศูนย์

หลักสูตร S.A.M (Seriously Addictive Mathematics) ครอบคลุมทุกเนื้อหาของคณิตศาสตร์ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษาตอนปลาย ซึ่งให้ความสำคัญมากกับการให้เด็กทุกคนได้เข้าใจว่า “ทำไม” และ “อย่างไร” มากกว่าการสอนให้ใช้สูตรเพื่อหาคำตอบได้ หรือเรียกได้ว่าเป็นคณิตศาสตร์เชิงคิดวิเคราะห์

“พลเอก ตั้งเจริญ” ตัวแทนแฟรนไชส์ S.A.M สิงคโปร์แมทส์ ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่าการสอนของที่นี่จะเน้นความรู้ 2 ด้านหลักคือ ความรู้จากประสบการณ์ที่ได้จากในห้องเรียน (classroom experience) เน้นการเรียนผ่านกระบวนการสอนแบบ CPA (concrete, pictorial, abstract) ครูจะให้เด็กได้เรียนอย่างสร้างสรรค์ ด้วยกิจกรรม และสื่อการสอนที่น่าสนใจ ก่อนนำไปสู่การเขียนสรุปเป็นภาพหรือโมเดล และสุดท้ายแทนด้วยตัวเลขหรือสมการทางคณิตศาสตร์

นอกจากนั้น มีความรู้จากประสบการณ์ที่ได้จากการทำแบบฝึกหัด (worksheets experience) โดยในช่วงเริ่มต้นของแบบฝึกหัดจะเริ่มจากระดับง่าย จากนั้นจึงเข้าสู่เนื้อหาที่ยากขึ้นตามเนื้อหาการเรียนของแต่ละหัวข้อ ซึ่ง S.A.M มีแบบฝึกหัดมากกว่า 30,000 หน้า ครอบคลุมบทเรียน 9 ปีสำหรับเด็ก

“โปรแกรมของเราออกแบบมาสำหรับเรียนเสริมนอกเวลาเรียน (after school) มีทั้งฉบับภาษาอังกฤษ หรือฉบับแปลเสริมเป็นภาษาไทย ซึ่งแต่ละคลาสจะไม่เกิน 6 คน และเรียนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1-1.5 ชั่วโมงแล้วแต่ระดับ โดยค่าเรียนต่อเดือนสำหรับคลาสปกติหรือภาษาไทย ระดับอนุบาลอยู่ที่ 1,600 บาทประถมศึกษาตอนต้นอยู่ที่ 2,200 บาท และประถมศึกษาตอนปลายอยู่ที่ 2,600 บาทส่วนคลาสภาษาอังกฤษนั้น จะมีราคาสูงกว่าคลาสปกติ 20%”

ทั้งนั้น จาก 33 ศูนย์ในปัจจุบันมีนักเรียนหมุนเวียนกว่า 1,000 คนต่อเดือน โดยมีสาขาอยู่ในกรุงเทพมหานคร 12 ศูนย์ และต่างจังหวัดอีก 21 ศูนย์ ซึ่งมี 1 สาขาที่ “พลเอก” บริหารจัดการเองส่วนสาขาที่เหลือเป็นการขายแฟรนไชส์ สำหรับค่าแฟรนไชส์อยู่ที่ 2.6 แสนบาท โดยแฟรนไชซีจะได้รับโปรแกรมการฝึกอบรมระบบการเข้าถึงแบบฝึกหัด การฝึกอบรมประจำปีและอัพเดตองค์ความรู้ต่าง ๆ เมื่อบริษัทแม่จากประเทศสิงคโปร์มีการพัฒนาหลักสูตรใหม่ ๆ

“จุดเด่นของเราคือเน้นสร้างทัศนคติที่ดีด้านคณิตศาสตร์ตามวัยของเด็ก ทุกคนจะได้เรียนตามทักษะของตัวเอง แม้จะเรียนร่วมกันกับผู้อื่นก็ตาม ซึ่งหลักสูตรของเราเป็นเหมือนทางเลือกให้กับเด็กที่ต้องการเรียนคณิตศาสตร์แบบเน้นกระบวนการคิดมากกว่าการหาคำตอบ หรือคำนวณเร็ว หากพวกเขาได้รับการปูพื้นฐานที่แน่น ก็จะสามารถเรียนคณิตศาสตร์ได้เร็วในช่วงมัธยมศึกษา”

อย่างไรก็ดี นอกจากการเปิดหลักสูตรตามสาขาแล้ว S.A.M สิงคโปร์แมทส์ยังนำหลักสูตรเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลหลานย่าโม จ.นครราชสีมาเพื่อทางโรงเรียนได้นำหลักสูตรไปใช้ในคาบเรียนหลัก พร้อมทั้งมีการจัดฝึกอบรมให้กับคุณครู

“เหมือนเราเอาระบบของ S.A.M เข้าไปเลย เพราะมีทั้งการเทรน การวางหลักสูตร และการติดตามผล ซึ่งจากการประเมินผลพบว่าเด็กมีส่วนร่วมมากขึ้นในชั้นเรียน จากเดิมที่รอครูสอนอย่างเดียวต่อจากนี้ไปจะขยายผลเพิ่มเติมในโรงเรียนที่สนใจ และพร้อมเปลี่ยนแปลงการเรียนคณิตศาสตร์รูปแบบใหม่ ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งในโมเดลธุรกิจของเรา”

อย่างไรก็ตาม “พลเอก” บอกว่า ในแง่การเติบโตของ S.A.M สิงคโปร์แมทส์ ประเทศไทย ไม่ได้ตั้งเป้าหมายชัดเจนว่าในแต่ละปีต้องมีสาขาใหม่เพิ่มขึ้นเท่าไร แต่ต้องการให้หลักสูตรกระจายอย่างทั่วถึง อย่างล่าสุดได้จัดทำหลักสูตรภาษาไทย เพื่อรองรับการบุกตลาดต่างจังหวัด

“และการที่กระทรวงเริ่มเปลี่ยนหลักสูตรให้เน้นกระบวนการคิด และให้ความสำคัญกับเรื่องภาษาอังกฤษมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการสอนของเรา ทำให้หลักสูตร S.A.M จึงสามารถตอบโจทย์การเรียนในศตวรรษใหม่เป็นอย่างดี”