ศุภชัย เจียรวนนท์ เสนอ 7 นโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศ ถึงรัฐบาลชุดใหม่

ศุภชัย เจียรวนนท์
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัล เสนอ 7 นโยบาย ทรานส์ฟอร์มประเทศไทย ถึงรัฐบาลชุดใหม่ แนะตั้งบอร์ดแห่งชาติ ผสานรัฐและเอกชนช่วยขับเคลื่อนทุกภาคส่วนเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทุกมิติ ดึงลงทุนพร้อมปั้น 20,000 เทคสตาร์ตอัพ ดันไทยเป็นศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยีของภูมิภาค

วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย นำโดย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลฯ พร้อมด้วยที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิ รองประธาน คณะกรรมการ สมาคมสมาชิก และองค์กรพันธมิตร ร่วมแถลงในงาน สภาดิจิทัลฯ กับโจทย์ใหญ่ไทยแลนด์ 5.0 “เปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล” นำเสนอนโยบายสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาดิจิทัลฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เพื่อการพัฒนาประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก สร้างขีดความสามารถให้แก่ประเทศไทย ทำให้คนไทยและธุรกิจไทยแข็งแกร่ง

จึงมีการแถลงนโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศไทย มุ่งสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทุกมิติ เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองนำไปกำหนดเป็นนโยบายพัฒนาประเทศ ยกระดับเศรษฐกิจไทยให้มีความแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับสร้างขีดความสามารถการแข่งขันสูงขึ้น

“หากเราดูจากอันดับการแข่งขันในเวทีโลกด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 26 และอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลอยู่อันดับที่ 40 อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารอยู่อันดับที่ 15 ของโลก รวมถึงทักษะภาษาอังกฤษอันดับที่ 97

นายศุภชัย เจียรวนนท์

นอกจากนั้นด้านการลงทุน พบว่า ต่างประเทศลงทุนด้านเทคโนโลยีเหลือเพียง 2% ของมูลค่ารวมอาเซียน ดังนั้นจะเห็นว่าประเทศไทยมีจุดที่สามารถพัฒนาได้อีกมาก

นอกจากนี้ความท้าทายของโลกและของประเทศไทยมี 4 ประการ ประกอบด้วยความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงแหล่งทุน (Inclusive Capital) การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล (Digital Transformation) การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) โลกแบ่งขั้ว (Multi Polar) ประเด็นท้าทายข้างต้นเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นถึงการขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งสิ้น”

นโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศสู่ยุค 5.0

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามความท้าทายในระดับโลกได้ คือ นโยบายทรานส์ฟอร์มประเทศไทย ขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค 5.0 ซึ่งสภาดิจิทัลฯได้เสนอแนวทางสำคัญ 5 ด้าน ที่จะเสริมศักยภาพและขีดความสามารถด้านการแข่งขันของไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ประกอบด้วย

1. บูรณาการให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม (PUBLIC-PRIVATE-PARTNERSHIP)

เพื่อวางรากฐานของการพัฒนาประเทศในทุกด้าน โดยการยกระดับการทำงานของภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล (e-Government) เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และผสานความร่วมมือในประเด็นที่คาบเกี่ยวกันหรือทับซ้อนระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ทำให้เกิดความโปร่งใส

เร่งดึงคนเก่งและคนดีเข้าสู่การทำงานภาครัฐในระดับบริหารด้วยการปรับเงินเดือนเทียบเท่าหรือสูงกว่าเอกชน และควรมีข้าราชการที่มีทักษะดิจิทัลอย่างน้อย 20% รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันผลักดันให้ไทยสามารถขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

2. สร้างคนทักษะดิจิทัลโดยการปฏิรูปการศึกษา

ตั้งเป้า 6% ของคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไปมีทักษะดิจิทัลขั้นสูง ภายในปี 2570 แม้ประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่ในปัจจุบันคนไทยที่มีทักษะดิจิทัลขั้นสูง (เขียนโปรแกรมได้) ยังมีเพียง 7 แสนคน หรือ 1% ในขณะที่มาเลเซียมีมากถึง 16%

ซึ่งระดับทักษะดิจิทัลของคนในประเทศย่อมส่งผลกระทบทั้งด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ การวิจัยพัฒนานวัตกรรม การวางแผนการพัฒนาบุคคลากรและการดึงดูดการลงทุนการแก้ไขปัญหาถือเป็นเรื่องเร่งด่วนโดยควรปฏิรูปการศึกษา (Education Reform) เริ่มจากการวางวิชาพื้นฐานในระดับเยาวชนด้วยหลักสูตรด้านเทคโนโลยีในการศึกษาภาคบังคับ การเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ และ Computer Science เป็นวิชาหลัก

รวมทั้งผลักดันให้เยาวชนไทย 7 ล้านคนมีคอมพิวเตอร์ที่มีการคัดกรองเนื้อหาที่ดี เพื่อให้เข้าถึงการค้นคว้า วิจัย พัฒนานวัตกรรม รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยี นอกจากนั้นยังควรปลูกฝังความเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับนักเรียน นักศึกษา

รวมทั้งส่งเสริมทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาจีนก่อนเข้าสู่โลกธุรกิจจริงในอนาคต ระดับโรงเรียนต้องสร้างแหล่งเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Experience Learning Based Center) ระดับมหาวิทยาลัยต้องมีศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม (Excellence Center) และในระดับเมืองควรเป็นคลัสเตอร์แห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation Cluster) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรากฐานสำคัญให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัลในทุกระดับ

3. สร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก

ประเทศไทยมีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล แต่ปัจจุบันเรายังเป็นเพียงผู้ใช้และเป็นตัวกลางซื้อขายเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนบทบาทให้เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ

โดยรัฐบาลต้องสนับสนุนนโยบายเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยตั้งแต่ระดับ SMEs สามารถก้าวสู่การเป็นผู้คิดค้นและเป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการดิจิทัลที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะด้านการเกษตรเพื่อมุ่งสู่ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร (Agro/Food Security Hub) จึงควรยกระดับการเกษตร

มีการทำ Agro Industry Transformation โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง Smart Farming, Food Tech และ Digitalization มาช่วยบริหารการเพาะปลูก รวมถึงการปรับระบบ Supply Chain ไปจนถึงการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก โดยผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้กับ 3,000-5,000 องค์กร สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน ด้วยการสร้าง Soft Power สินค้า บริการ ท่องเที่ยว ตลอดจนเตรียมพร้อมด้าน Digital Infrastructure สำหรับรองรับวิถีดิจิทัลในทุกอุตสาหกรรม

4.ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2568

ยกระดับ R&D สร้างเทคสตาร์ตอัพ 20,000 บริษัทในไทยเพื่อช่วยเร่งให้เกิดการทำ Digital Transformation ได้เร็วขึ้น และทำให้เกิดการจ้างงาน Digital & Tech Workforce ไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน

ประเทศไทยมีโอกาสดึงดูดนักลงทุนระดับโลกด้วยความพร้อมทางภูมิศาสตร์และความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีอยู่ เทคสตาร์ตอัพนับเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงาน

อีกทั้งจำนวนสตาร์ตอัพยังเป็นเสมือนกระจกสะท้อนความสามารถการแข่งขันด้านดิจิทัล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุน รัฐจึงควรตั้งเป้าหมายดึงดูดกองทุนหรือนักลงทุนระดับโลก (Big Boy) อย่างน้อย 3 ราย ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยควรสร้าง 5 Innovation Center ระดับโลก ได้แก่ 1.Bio 2.Nano & Energy 3.Robotic & Digital 4.Space 5.Preventive Health care/Health Tech

อย่างไรก็ตามการตั้งเป้าเป็น Regional Innovation Hub หรือแหล่งการลงทุนและศูนย์สร้างสรรค์นวัตกรรมของภูมิภาค เราจะต้องพัฒนาศักยภาพการเป็น Innovation Cluster สำหรับผู้ประกอบการและนักวิจัยไทย ตลอดจน ผลักดันนโยบายเร่งด่วนเพื่อดึงดูดการลงทุน และผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น Global Talents และ Digital Nomads พร้อมทั้งเร่งยกระดับงานวิจัยและนวัตกรรมโดยประสานพลังภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาให้ต่อยอดขยายผลเกิดการใช้งานจริงได้ในระดับโลก

5. สร้างสังคมดิจิทัลควบคู่ส่งเสริมคุณธรรมและวัฒนธรรมที่ดีงาม

ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นสังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความยั่งยืนโดยขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางจำนวน 1 ล้านคน ให้สามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมภายในปี 2566

อีกทั้งรัฐบาลควรส่งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้านดิจิทัล (Digital Vaccine) ความปลอดภัยและความรู้เท่าทันเทคโนโลยีให้แก่ประชาชนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแก้ปัญหาของประเทศทุกมิติ โดยการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนแบบ Green Economy ที่คำนึงถึงความยั่งยืน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกเพื่อให้ต้นทุนพลังงานถูกลง จึงจะเกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแพร่หลายทั่วถึงและยั่งยืน

นอกจากนี้ รัฐควรผลักดันนโยบายที่สนับสนุนดิจิทัลคอนเทนต์คุณภาพของไทย โดยการสร้างอัตลักษณ์คุณค่าทางวัฒนธรรมไทยที่ผสมผสานทั้งสื่อ วัฒนธรรมและเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน และควรสนับสนุนคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมในช่วงเวลา Prime Time ด้วยการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) เช่น เงินทุนสนับสนุน ทำให้ประเทศสามารถหล่อหลอมวัฒนธรรมที่ดีงามไปกับเทคโนโลยี ถือเป็นการขับเคลื่อนวัฒนธรรมของชาติให้ออกสู่เวทีโลก

7 นโยบายถึงรัฐบาลชุดใหม่

อย่างไรก็ตาม นายศุภชัยกล่าวสรุปว่า จากที่กล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ 7 ประเด็นสำคัญที่อยู่ภายใต้ 5 ข้อเสนอข้างต้น เพื่อเป็นแนวทางแก่รัฐบาลใหม่ในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนี้

1.กำหนดวิชาภาษาคอมพิวเตอร์/Computer Science เป็นวิชาหลักในการหลักสูตรการศึกษาพื้นฐาน และเด็กทุกคนต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์คัดกรองที่ดีและมีคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยี

2.ส่งเสริม Media & Content ที่เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม ในช่วง Prime Time ด้วยการให้ Incentive

3.ตั้งเป้าเทคสตาร์ตอัพ 20,000 บริษัท เพื่อช่วย Digital Transformation และ Digital & Tech Workforce 1 ล้านคน

4.ยกระดับการเกษตร Agro Industry Transformation/Smart Farming/Food Tech & Brand/สร้าง 3,000-5,000 องค์กร สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน 5.0

5.ดึงดูดคนเก่งและคนดีเข้าสู่ระบบราชการระดับบริหารด้วยการปรับเงินเดือน เทียบเท่าหรือสูงกว่าเอกชน ปรับรัฐบาลเป็นรัฐบาลดิจิทัล (e-Government) และควรมีข้าราชการที่มีทักษะดิจิทัลอย่างน้อย 20%

6.สร้าง 5 Innovation Centers ระดับโลก ได้แก่ 1.Bio 2.Nano & Energy 3.Robotic & Digital 4.Space 5.Preventive Health Care/Health Tech

7.สนับสนุนการต่อยอดผู้ประกอบการไทย

สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย