จบดราม่า! อาจารย์จุฬาฯไม่ติดใจหลานชวดคณะพาณิชย์ฯมธ. จี้ทปอ.สร้างความเชื่อมั่น

จากกรณีที่โลกออนไลน์แห่แชร์กรณีที่ รศ.ดร.วิชาญ ลิ่วกีรติยุตกุล อาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กเพจ Wicharn Lewkeeratiyutkul ตั้งค่าสาธารณะ กรณีที่หลานติดคณะหนึ่งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในระบบทีแคส ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นทีแคสรอบ 3 ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ อยู่ระหว่างการประกาศรายชื่อ แต่พอจะยืนยันสิทธิ กลับได้รับคำตอบว่าไม่ผ่านเกณฑ์ เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามมหาวิทยาลัย ได้รับคำตอบว่า “ระบบรวน อาจารย์ฝากขอโทษด้วย”

ต่อมานายชาลี เจริญลาภนพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)ออกมาระบุว่าได้เข้าไปคุยกับรศ.ดร.วิชาญ  ทางอินบล็อกเฟซบุ๊กแล้ว โดยได้อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด และหากเด็กไม่พอใจก็ได้มีการหารือเพื่อเตรียมเยียวยาแล้ว แต่เด็กได้ตัดสินใจเลือกเรียนคณะศิลปศาสตร์ มธ.แล้ว

ล่าสุดรศ.ดร.วิชาญ โพสต์ภาพ แถลงการณ์ชี้แจงของทางที่ประชุมอธิการบดี พร้อมข้อความว่า

“จริง ๆ อยากจะจบเรื่องนี้ ไม่อยากต่อความเพราะสงสารหลานตัวเองเป็นที่สุด อายุแค่นี้ต้องมาเจอเรื่องดราม่าที่ไม่ใช่ความผิดตัวเอง แถมยังโดนกระแสจากฝ่ายที่ไม่เข้าใจอีก ผมขอชี้แจงดังนี้อีกครั้ง ในการสมัครสามารถยื่นคะแนนสามัญหรือคะแนน tustar ได้ เด็กทราบอยู่แล้วว่าคะแนนวิชาสามัญไม่ถึงเกณฑ์ จึงยื่นโดยใช้คะแนน tustar เด็กคิดว่าติดเพราะคะแนน tustar แต่พอมีการประกาศคะแนนสูงสุดต่ำสุดจึงเห็นว่าคะแนนตัวเองก็ไม่ถึงเกณฑ์ จึงโทรไปถามที่คณะเพราะกลัวว่าถ้ายืนยันไปแล้วคุณสมบัติไม่ผ่านจะเสียสิทธิ์ คณะตรวจสอบแล้วจึงพบว่าเป็นความผิดพลาดของระบบ เด็กมิได้มีเจตนาสมัครเผื่อฟลุค กรุณาเห็นใจ แค่นี้ก็ช้ำมากพอแล้ว กรุณาอย่าซ้ำเติมอีก

เมื่อคืนรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการที่ธรรมศาสตร์ได้ส่งข้อความมาขอโทษแล้ว ผมเรียนว่าส่วนตัวแล้วไม่ติดใจ แต่อยากให้ตรวจสอบระบบให้มีความถูกต้อง เที่ยงธรรมกับเด็กทุกคน ซึ่งท่านก็รับว่าจะดำเนินการต่อไป

วันนี้มีนักข่าวติดต่อมาหลายช่อง ผมได้แต่เพียงให้ข้อมูล แต่ไม่ให้สัมภาษณ์เพราะคำนึงถึงความรู้สึกของหลานเป็นที่สุด เพราะไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร การเป็นคนในกระแสสังคมย่อมไม่เกิดผลดี มีคนเข้าใจก็มีคนพร้อมจะไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน

สิ่งที่ต้องการคือความเชื่อมั่นในระบบการคัดเลือกในปีนี้และในอนาคต เรื่องส่วนตัวของครอบครัวผมจบไปแล้ว หน้าที่ ทปอ. คือหาทางออกที่ทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจและยอมรับได้ และเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา”

ซึ่งมีผู้เข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก

 


ที่มา มติชนออนไลน์