
มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหิดลฯ นำแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด สนับสนุนทุนการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล จำนวน 179 ทุน เป็นงบประมาณกว่า 4 ล้านบาท สร้างการอยู่รอดให้เยาวชน จบไว-มีงานทำ
จากปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขและสภาการพยาบาลได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการผลิตบุคลากร “ผู้ช่วยพยาบาล” เข้ามาช่วยและแบ่งเบางานของพยาบาล แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่คลี่คลายลงมากนัก เพราะอัตราส่วนพยาบาลต่อจำนวนประชากร ยังคงเป็น 1 ต่อ 250 และตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2577 จะต้องผลิตบุคลากรเพิ่มให้มากขึ้นเพื่อให้อัตราส่วนพยาบาลต่อประชากรเป็น 1 ต่อ 200 ก็ตาม
โรงพยาบาลศิริราช ในฐานะโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ นอกจากการผลิตแพทย์และพยาบาลให้กับวงการแพทย์แล้ว ยังได้เปิดหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลขึ้น เพื่อผลิตบุคลากรมาช่วยในส่วนงานของโรงพยาบาลศิริราชและสถานพยาบาลในเครือข่ายเอง
โดยเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนภายใต้การบริหารจัดการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และจากความต้องการผู้ช่วยพยาบาล ทำให้เกิดเป็นความร่วมมือกับมูลนิธิเอสซีจี ในการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในหลักสูตรนี้มาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน
Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด
มูลนิธิเอสซีจี มุ่งเน้นการให้ทุนในสาขาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศตามแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชน ได้มีการพัฒนาทักษะและประสบการณ์ในสายอาชีพ ทั้งทักษะวิชาชีพและทักษะชีวิตอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในโลกยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง
ในครั้งนี้ ได้สนับสนุนทุนการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 179 ทุน เป็นงบประมาณกว่า 4 ล้านบาท
รศ. นพ. ตรีภพ เลิศบรรณพงษ์ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในปัจจุบันเรายังขาดแคลนบุคลากรอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีแผนเพิ่มอัตราการผลิตบุคลากรให้มากขึ้น แต่สถาบันที่ผลิตบุคลากรนั้นยังมีจำกัด และแต่ละแห่งยังมีข้อจำกัดในขีดความสามารถในการผลิตบุคลากรในจำนวนที่จำกัดด้วย
ติดสปีดหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล
ในส่วนของศิริราชสามารถผลิตผู้ช่วยพยาบาลได้ปีละประมาณ 200 คน ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการทั้งของภายในโรงพยาบาลและในตลาดแรงงาน ทำให้พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลในปัจจุบันต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักและทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน
เมื่อก่อนเมุ่งผลิตพยาบาลเป็นหลัก แต่กว่าจะได้พยาบาล 1 คน ต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี ทั้งที่งานของพยาบาลหลายส่วนที่ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก สามารถโอนให้ผู้ช่วยพยาบาลรับผิดชอบได้
“ผู้ช่วยพยาบาลใช้เวลาในการเรียนเพียง 1 ปี หากเราผลิตผู้ช่วยพยาบาลได้ เหมือนเราได้พยาบาลเพิ่มมาอีก 4 เท่า นอกจากนี้อาชีพผู้ช่วยพยาบาลยังเป็นอาชีพที่มีโอกาสเติบโตได้ทั้งในสายอาชีพและการเรียนต่อ ทำให้หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลได้รับความนิยมและได้รับความสนใจจากเยาวชนเพิ่มมากขึ้น”
ติวเข้มจบ พร้อมทำงาน
คุณรัชนีพร ภัทรปกรณ์ หัวหน้าโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล กล่าวเสริมว่า โรงเรียนผู้ช่วยพยาบาลมุ่งสร้างผู้ช่วยพยาบาลที่มีความรู้ความสามารถ มีเจตคติที่ดีในการประกอบอาชีพ ผ่านการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ตามหลักสูตรและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาตนเองและทักษะที่จำเป็น เช่นทักษะด้านการสื่อสาร ทักษะด้านภาษา และทักษะเรื่องการทำงานเป็นทีม
เพราะในการทำงานจริง ผู้ช่วยพยาบาลจะต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก ต้องใช้ภาษาได้ดี และสื่อสารได้ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวผู้ป่วย เมื่อเข้ามาเรียนแล้วนักเรียนผู้ช่วยพยาบาลจะได้เรียนรู้เนื้อหาวิชาการที่จำเป็นและฝึกปฏิบัติในห้องผู้ป่วยจำลองโดยฝึกกับหุ่นและเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ก่อนจะฝึกปฏิบัติกับคนไข้จริง
โดยหมุนเวียนไปฝึกกับผู้ป่วยในหลายแผนก เพื่อให้มีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย เพราะการดูแลผู้ป่วยแต่ละเคสจะมีความแตกต่างกันไป โดยผู้ช่วยพยาบาลใช้เวลาเรียนแค่ 1 ปี จบมามีงานรองรับทันที
รศ. นพ. ตรีภพ อธิบายต่อว่า ผู้ช่วยพยาบาลจะได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ป่วยที่มีอาการไม่ซับซ้อนมาก อยู่ภายใต้การดูแลของพยาบาลและอาจารย์อย่างใกล้ชิด งานที่ผู้ช่วยพยาบาลต้องดูแลรับผิดชอบจะเป็นงานในส่วนของการดูแลความสุขสบาย และกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย
เช่น เช็ดตัว ดูแลความสะอาดปากและฟัน ดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร ทั้งผู้ป่วยที่รับประทานอาหารได้เอง และผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารผ่านทางท่อสายยาง การวัดสัญญาณชีพ การช่วยฟื้นคืนชีพในลักษณะของ basic life support รวมถึงอาจมีการช่วยคุณหมอทำหัตถการบางอย่าง ช่วยจดบันทึกข้อมูล หากพบความผิดปกติจะต้องรายงานแพทย์หรืออาจารย์พยาบาล เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยในเบื้องต้นได้อย่างทันท่วงที