“โรงเรียนคำพ่อสอน” นำความรู้คู่จิตวิทยา พัฒนาเยาวชนไทย

ในยุคที่ปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนเป็นประเด็นสำคัญของสังคม “โครงการโรงเรียนคำพ่อสอน” เริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ “ครู” เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนและยังสร้างพฤติกรรมด้านบวกให้เยาวชนได้อย่างยั่งยืน

โครงการโรงเรียนคำพ่อสอนเริ่มต้นพาครูเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวเอง เข้าใจในความแตกต่างของมนุษย์ ใช้ความรักความเมตตา เข้าใจ ให้อภัย ให้โอกาส ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ที่ 2 นักเรียนจะอบอุ่นใจว่า เขามีคุณค่าในสายตาครู เขายังมีครูเป็นที่พึ่ง

รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้ทำความดีเพื่อผู้อื่นในสิ่งใกล้ตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นวิถีชีวิตในโรงเรียน เช่น พี่สอนน้อง ซึ่งเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะของนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self Esteem) เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง และครูต้องมีท่าทีในเชิงบวกกับนักเรียน เช่น ยิ้ม หาเรื่องชื่นชม ตั้งใจรับฟังในสิ่งที่นักเรียนพูด เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ซึ่งตรงตามกระแสพระราชดำรัสเพื่อปฏิรูปการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9)

“..ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อน ไม่ให้แข่งขันกันแค่ให้แข่งกับตัวเอง ให้เด็กที่เรียนเก่งกว่าช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนทำร่วมกันเพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี..”

แนวปฏิบัติดังกล่าวนี้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กนักเรียนได้อย่างแท้จริง โดยโครงการนี้มิได้เพียงช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงของเด็ก ๆ เช่น เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ไม่หนีเรียน ลดความก้าวร้าวรุนแรงในโรงเรียนแล้ว แต่ยังส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก ทำให้การเรียนรู้ด้านวิชาการของเด็กดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ADVERTISMENT

ขยายความสำเร็จประถมสู่มัธยม

จากความสำเร็จของโครงการในระดับประถมศึกษา ได้นำไปสู่การขยายผลสู่ระดับมัธยมศึกษา โดยโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา (สพป.) จังหวัดชุมพร เขต 2 เป็นหนึ่งในโมเดลต้นแบบของการประยุกต์ใช้แนวทางของโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน จนเกิดผลสำเร็จ

รจนา กลิ่นหอม
รจนา กลิ่นหอม

เร่งแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า

รจนา กลิ่นหอม ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ ต.หาดยาย อ.หลังสวน จ.ชุมพร กล่าวว่า เนื่องจากเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีทั้งนักเรียนประถมศึกษา (ป.1-ป.6) และมัธยมศึกษา (ม.1-ม.3) ซึ่งก่อนหน้านี้พบปัญหาด้านพฤติกรรมของเด็ก

ADVERTISMENT

เช่น การไม่เข้าเรียน การยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข จึงได้นำหลักการของโรงเรียนคำพ่อสอนมาใช้กับเด็กระดับมัธยม ในกระบวนการเดียวกัน แต่ละเอียดอ่อนต่างกัน ด้วยพฤติกรรมเป็นเด็กที่โตกว่า

โดยมีกิจกรรมที่โรงเรียนได้นำมาจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน มาทำเป็นกิจวัตรหรือเป็นวิถีของโรงเรียน คือ “เปิดเทอมสร้างสุข ให้ความรักก่อนให้ความรู้” เช่น การกอด ยิ้ม ชม สบตา สวัสดี ซึ่งโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน ได้พาครูไปเรียนรู้จิตวิทยานีโอฮิวแมนนิส กับ รศ.ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน

นอกจากนี้ ยังมีขบวนการตาสับปะรด ที่ให้นักเรียนช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและรายงานครูโดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งช่วยลดปัญหาการหนีเรียนและพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งเด็กมัธยมสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เข้าถึงสื่อโซเชียลได้ง่าย เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมาในรูปแบบต่าง ๆ เราต้องใส่ใจให้มาก

“การชวนนักเรียนมาทำกิจกรรมในหลาย ๆ มิติ มอบหมายให้มีบทบาทในกิจกรรมต่าง ๆ จะทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการยอมรับจากสังคม เด็กจะมีความภูมิใจในตนเอง ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เด็กมีจิตสาธารณะมากขึ้น ลดพฤติกรรมก้าวร้าว และเรียนรู้เกี่ยวกับโทษภัยของยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ”

เปลี่ยนแปลงครูสู่เปลี่ยนแปลงเด็ก

โรงเรียนคำพ่อสอน เริ่มต้นจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของครูที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้เกิดความเข้าใจต่อพฤติกรรมของนักเรียนและรับฟังนักเรียนมากขึ้น ทำให้นักเรียนมีความกล้าเข้ามาปรึกษาครู การเปลี่ยนแปลงของครู จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเด็กนักเรียนเช่นกัน

นางสาวเบญจมาศ คงคาชัย หรือ ครูบิว โรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ อ.หลังสวน จ.ชุมพร กล่าวถึงแนวทางการนำโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน มาประยุกต์ใช้ว่า เมื่อก่อนครูบางคนอาจจะใช้คำพูดรุนแรงกับเด็ก

แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการ ครูกลายเป็นผู้รับฟังที่ดี ใช้คำพูดสุภาพ และให้ความรักความเข้าใจเด็กมากขึ้น ส่งผลให้เด็กกล้าปรึกษาครู ลดช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียน และทำให้บรรยากาศในโรงเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังมีกิจกรรม พี่สอนน้อง ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมัธยมเป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องประถม ส่งเสริมความรับผิดชอบและภาวะผู้นำ ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกมีคุณค่า และช่วยลดปัญหาพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ และการใช้สื่อโซเชียลในทางที่ผิดอีกด้วย

ด้าน เด็กชายจรูญโรจน์ ปานมณี หรือ น้องกัน นักเรียนชั้น ม.2 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน เดิมทีเขาติดบุหรี่ตั้งแต่ชั้น ม.1 เนื่องจากอิทธิพลจากเพื่อนกลุ่มเก่า

แต่เมื่อครอบครัวทราบและขอให้เลิก เขาจึงตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่ โดยอาศัยกิจกรรมสนับสนุนของโรงเรียน เช่น การเข้าร่วมโครงการพี่สอนน้อง และการใช้ลูกอมเลิกบุหรี่ที่ทางโรงเรียนจัดทำขึ้น

“พอเลิกบุหรี่ได้ ผมรู้สึกดีขึ้นมาก มีความตั้งใจเรียน และอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง ๆ ในโรงเรียน ตอนนี้เข้ามาเป็นทีมงาน ทำกิจกรรมดี ๆ สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนครับ” น้องกันกล่าว

โมเดลแห่งการสร้างสังคมที่ดี

นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังได้เชื่อมโยงโครงการกับชุมชน โดยการนำทรัพยากรที่มีอยู่มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น “สาหร่ายใบไชยาทอดกรอบ” และ “ชามัทฉะไชยา” (ชาเขียว) ซึ่งได้รับรางวัลระดับจังหวัด

นอกจากนี้ ยังมี “ลูกอมหญ้าหมอน้อย” ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้การสร้างรายได้ และเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองด้วย

โดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) จากการดำเนินการมากว่า 9 ปี พบว่า การนำกระบวนการจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน มาใช้ในโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม

ไม่เพียงแต่ลดพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียน แต่ยังช่วยปรับเปลี่ยนแนวทางการสอนของครูและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในโรงเรียน โมเดลนี้แสดงให้เห็นว่า หากมีแนวทางที่เหมาะสมและการสนับสนุนที่ดีจากครู ผู้ปกครอง และชุมชน ก็สามารถสร้างโรงเรียนที่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการพัฒนาเยาวชนได้อย่างยั่งยืน