
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ชี้แจง กรณีมีข่าวเฟกนิวส์ ประเด็น ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร) ย้ำใจความสำคัญคือ ไม่ได้ขัดข้องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องกำหนดเงื่อนไขป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้ไปสุ่มเสี่ยงกับการพนัน
ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ข่าวกันในโซเชียล ข้อความว่า กระทรวงศึกษาธิการเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … นั้น จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้เกิดจากเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ได้ประชุมร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ถึงประเด็นการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ซึ่งได้ประชุมถึงปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมและแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเจตนารมณ์ของ ศธ.ต้องการให้อำนาจผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือครูฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าได้ตามข้อกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์
ศธ.ได้ย้ำว่า การให้อำนาจผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือครูฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานศึกษาได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้านั้น จะดำเนินการเฉพาะภายในขอบเขตของสถานศึกษาเพียงอย่างเดียว ซึ่ง พณ.มีความเข้าใจและเห็นชอบในหลักการที่จะปรับแก้ไขระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพราะมีช่องทางที่สามารถแก้ไขระเบียบข้อบังคับตามประกาศ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็นการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ผมก็ให้ความเห็นไปว่า การจัดทำร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ แต่ทั้งนี้จะต้องกำหนดเงื่อนไขป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้ไปสุ่มเสี่ยงกับกับการพนันด้วย ซึ่งเป็นการให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ได้ขัดข้องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานที่ให้การศึกษาแก่เด็กและเยาวชน จึงต้องมีเงื่อนไขในการดำเนินการตามกฎหมายเดิม เพื่อคุ้มครองเด็กและเยาวชน อย่างเคร่งครัดด้วย
ปลัด ศธ.กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่านักข่าวต้นฉบับนี้แปลความหมายการสัมภาษณ์ตนอย่างไร เพราะมีนักข่าวหลายสำนักมาสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่เห็นมีฉบับไหนลงเหมือนกับที่เป็นข่าว ซึ่งทำให้กระทรวงศึกษาธิการเสียหายเป็นอย่างมาก