เปิดบัญชีหนี้องค์การค้าฯ3.9พันล.เฉพาะ 4 แบงก์ใหญ่เกือบ900ล. เร่งเคลียร์ล็อตแรกพ.ย.นี้

กรณีนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) หาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินองค์การค้าโดยมีหนี้เร่งด่วนที่ต้องชำระคือ ค่ากระดาษและค่าจ้างพิมพ์ประมาณ 1,300 ล้านบาท เฉพาะดอกเบี้ยเดือนละ 5 ล้านบาท และมีรายจ่ายเงินเดือนพนักงานเดือนละ 40 ล้านบาท ขณะที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตัดโควต้าการจัดพิมพ์หนังสือเรียนขององค์การค้าฯ เหลือ 70% เบื้องต้นนายอรรถพลจึงหารือร่วมกับผู้บริหารองค์การค้าของ สกสค. ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าจะศึกษากฎหมายเพื่อทำแผนการถ่ายโอนพนักงานองค์การค้ามายัง สกสค. ซึ่งปัจจุบันองค์การค้ามีพนักงาน 1,200 คน นอกจากนี้มีแนวคิดจะยกเลิกสัญญากับร้านค้าตัวแทน 100 แห่ง เพื่อเปิดซื้อขายเสรีแทน สั่งสำรวจทรัพย์สิน ที่ดิน เพื่อขายลดหนี้ และยุบร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ที่ขาดทุนทั่วประเทศ โดยล่าสุดผู้อำนวยการองค์การค้าฯ แจงปิดศึกษาภัณฑ์ ราชดำเนินชั่วคราว เนื่องจากต้องใช้เวลาปรับปรุงอาคารเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่สหภาพฯเตือนการระวังการดำเนินการเปิดการค้าเสรีไม่ให้เป็นการไปเอื้อประโยชน์ให้แก่ใคร ชณะที่ยุบศึกษาภัณฑ์กระทบองค์การค้าฯล่าสุดซัพพลายเออร์ไม่กล้าวางบิล ร้านค้าตัวแทนหนีไปทำการซื้อขายกับโรงพิมพ์จุฬาฯแทน

ความคืบหน้าล่าสุด นายอรรถพลกล่าวว่า การบริหารงานเป็นหน้าที่ขององค์การค้าฯ สกสค.ทำหน้าที่เพียงให้ข้อเสนอแนะ ในเมื่อองค์การค้าฯ แจ้งว่า ที่ผ่านมาติดขัดเรื่องการขายข้ามเขต ลูกค้ารายย่อยมีปัญหา กลุ่มพ่อค้าได้ประโยชน์เป็นการผูกขาดในจังหวัดนั้น แต่สุดท้ายก็คุมไม่ได้ เพราะเขตอำเภอ รอยต่อระหว่างจังหวัดก็มีการซื้อขาย ซึ่งพอมีปัญหาก็ร้องเรียนมาที่องค์การค้าฯ ร้องมาที่ สกสค. ขณะที่ตอนนี้ต้องพัฒนาไปสู่ยุคการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งต่อไปแบบเรียนก็ต้องพัฒนาไปสู่การขายออนไลน์มากขึ้น การเปิดเสรีมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการห้ามขายข้ามเขต ซึ่งองค์การค้าฯ ก็ต้องไปวิเคราะห์ ว่าหากดำเนินการเช่นนี้ จะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้าง อย่างไรก็ตามวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ทางองค์การค้าฯจะนำแผนแก้ปัญหาองค์การค้าฯ มาหารือร่วมกับ สกสค.อีกครั้ง เพื่อนำข้อเสนอต่าง ๆ เสนอให้คณะกรรมการ สกสค. ที่มี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศธ. เป็นประธานพิจารณา

“วันนี้องค์การค้าฯ ต้องยึดหลักเอาองค์กรให้รอด ถ้าเรายึดเอาคนเป็นหลัก จนองค์กรล้มสุดท้าย คนก็ล้ม ต้องร่วมแรงกาย แรงใจกันเพื่อพาองค์กรให้อยู่รอด ถ้าคิดถึงตัวเองอย่างเดียวองค์กรก็ล้ม ไม่ล้มวันนี้ ก็ล้มในเร็ววันข้างหน้า ซึ่งผมเองคงไม่เข้าไปคุยกับสหภาพ เพราะทางองค์การค้าฯ ประสานกันอยู่แล้ว” นายอรรถพลกล่าว

นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการศธ.ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ของ สกสค. กล่าวว่า สถานะทางการเงินขององค์การค้าฯ ก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเข้ามาบริหาร มียอดหนี้ ประมาณ 7,000 ล้านบาท ปี 2560 เหลือหนี้ประมาณ 3,900 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าลิขสิทธิ์ ประมาณ 260 ล้านบาท ค่ากระดาษ 514 ล้านบาท ค่าจ้างพิมพ์ 840 ล้านบาท หนี้กับบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด ซึ่งฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการฝากขายหนังสือเรียนกับองค์การค้าฯ จำนวน 1,081 ล้านบาท ซึ่งทางองค์การค้าฯ ชำระให้บริษัท ล็อกซเล่ย์ฯ เมื่อเดือนพฤษภาคม 120 ล้านบาท และจะต้องชำระให้บริษัท ล็อกซเล่ย์ เดือนละ 5 ล้าน ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปี เจ้าหนี้ทางการค้า ซึ่งจะใช้เงินหมุนเวียนในการชำระ 55 ล้านบาท และหนี้ธนาคารต่างๆ รวม 886 ล้านบาท แบ่งเป็น ธนาคารไทยพาณิชย์ 220 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 255 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ 131 ล้านบาท และธนาคารกรุงไทย 280 ล้านบาท โดยเสียดอกเบี้ยประมาณ 5 ล้านบาทต่อเดือน แต่องค์การค้าฯ ก็ยังมีลูกหนี้ประมาณ 817 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้ที่ชำระหนี้แล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อออกใบเสร็จ 176 ล้านบาท ลูกหนี้ค้างเก่า 17 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดี 71 ล้านบาท และลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการติดตามเก็บเงิน 551 ล้านบาท ขณะที่เงินฝากในบัญชีขององค์การค้าฯ ยอด ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2561 เหลืองเพียง 58.86 ล้านบาท ในส่วนของการจัดทำแผนฟื้นฟูธุรกิจนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะที่แผนการชำระหนี้ จะเริ่มจากหนี้เร่งด่วนค่ากระดาษกับค่าจ้างพิมพ์กว่า 1,300 ล้านบาทก่อน โดยภายในเดือนพฤศจิกายนนี้จะต้องชำระบางส่วน

เจ้าของร้านหนังสือเก่าแก่แห่งหนึ่งย่านวังบูรพา กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ธุรกิจการพิมพ์เกือบทุกแห่งซบเซาหมด ไม่ใช่เฉพาะขององค์การค้าฯ ซึ่งเดิมร้านของตนเองเคยทำสำนักพิมพ์ แต่ภายหลังธุรกิจการพิมพ์ไม่ได้รับความนิยม จึงเลิกไป เหลือเพียงการขายหนังสือมือสองและรับฝากขายหนังสือเพียงอย่างเดียว แม้จะไม่มีต้นทุนมากนัก แต่กำไรก็ลดลง เพราะคนนิยมอ่านหนังสือออนไลน์มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะร้านตนเท่านั้น สถานการณ์เป็นเช่นเดียวกันเกือบทุกร้าน โดยเท่าที่ทราบมีหลายร้านเริ่มปิดตัว

ขณะที่ร้านหนังสือเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งย่านราชบพิธ กล่าวว่า ร้านตนขายหนังสือเฉพาะกลุ่ม เน้นปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ ปรัชญา เปิดมานานกว่า 40 ปี ยอดขายยังคงที่แต่มีการปรับตัวขายผ่านทางออนไลน์มากขึ้น คิดว่ายังพออยู่ได้ไม่กระทบมากนัก

 


ที่มา : มติชนออนไลน์