‘อรรถพล’ไล่เช็กเงินค้างกองทุนฯ-ตามหนี้ธ.ออมสินอีกกว่า 1.1 หมื่นล.

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้ตรวจสอบสถานะของกองทุนส่งเสริมความมั่นคงของสมาชิก โครงการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และโครงการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา กรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.)

ซึ่งเป็นกองทุนเกิดขึ้นจากการหักจากผู้กู้ช.พ.ค.ไว้รายละ 1% ของวงเงินกู้ทั้งหมดบ้าง หรือรายละ 2,000 บาทต่อราย ตามความประสงค์ของผู้กู้ และเก็บไว้ที่ส่วนกลาง เมื่อผู้กู้ปิดบัญชีครบถ้วนก็ถอนให้ พบว่า มีการคืนเงินให้กับผู้ที่ปิดบัญชีแล้ว กว่า 1,000 ล้านบาท

ขณะนี้มีเงินอยู่ประมาณ 1,284 ล้านบาทเศษ  ยืนยันว่า เงินยังอยู่ครบ แต่พบว่า เงินส่วนหนึ่งไปปนกับยอดเงินอื่น ซึ่งตนกำลังแยกแยะ ว่าอยู่ตรงส่วนใดบ้าง หากพบว่า มีการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะเสนอคณะกรรมการสกสค. นำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการ ช.พ.ค. มาชดเชย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย

“ยอมรับว่า ผู้บริหารสกสค.ที่ผ่านมา เคยมีการอนุมัติใช้เงินกองทุนส่งเสนริมความมั่นคงฯ ไปในงานอื่น  โดยพบว่ามีการนำเงินบางส่วน ไปใช้ซื้อ ตั๋วสัญญา กับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด เพื่อนำไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี รวมถึง มีการอนุมัติให้องค์การค้าฯ นำใช้หมุนเวียน ประมาณ 2,000 กว่าล้านมา  ก็จะต้องนำเงินอื่นมาชดเชย  จะไม่ให้เสียหายกับกองทุนส่งเสริมความมั่นคงฯ” นายอรรถพลกล่าว

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการติดตาม เงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ซึ่งธนาคารออมสินได้หัก เพื่อชำระหนี้แทนครูที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไปประมาณ  12,000 ล้านบาทนั้น พบว่ามีครูบางส่วนได้ชำระหนี้ และธนาคารออมสินได้คืนเงินส่วนที่ให้ไปคืนให้สกสค.และประมาณ 900 ล้านบาท

โดยล่าสุดธนาคารออมสินได้แจ้งมาว่า ให้สกสค.ช่วยติดตามหนี้ในส่วนนี้ด้วย ซึ่งเราพยายามติดตามเร่งรัด และมีครูทยอยชำระหนี้เป็นระยะ

ขณะเดียวกันกำลังดูเงื่อนไขว่า การที่ธนาคารออมสินหักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนฯ ดังกล่าว เป็นการหักจากมติใด  ทั้งนี้หากไม่มีการหักเงินจำนวนนี้ ไปเพื่อชำระหนี้แทนครู กองทุนเงินเงินสนับสนุนฯ ประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท โดยเงินที่สกสค.ได้รับเงินเข้ากองทุนสนับสนุนฯ ทั้งหมดจริง ๆ ประมาณ 9,000 กว่าล้าน ซึ่งในจำนวนนี้ถูกนำไปใช้ในการซื้อตั๋วสัญญากับบริษัท บิลเลี่ยนบ้าง ซื้อหุ้นจาก บริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ทำให้ขณะนี้เบ็ดเสร็จเหลือเงินที่ยังใช้ได้ประมาณ 4,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น

 


ที่มา มติชนออนไลน์