ครม.เห็นชอบตั้งสถาบันไทยโคเซ็น ผลิตนวัตกร 1.4 พันคน ใช้งบฯ 3.5 พันล.

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น เพื่อผลิตวิศวกรนักปฏิบัติ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยที่ประเทศญี่ปุ่น มีสถาบันโคเซ็นทั้งหมด 51 แห่ง ประเทศไทยเป็นแห่งที่ 52 และ 53 ระยะแรกจัดตั้งที่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี( มจธ.) เริ่มเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เริ่มในปีการศึกษา 2562 โดยการคัดเลือกผู้เข้าเรียนจะดำเนินการร่วมกับ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวใช้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ไจก้า จำนวน 2,700 ล้านบาท เงินงบประมาณ 800 ล้านบาท รวม 3,500 ล้านบาท สำหรับสนับสนุนการดำเนินโครงการระยะเวลา 13 ปี แบ่งเป็น นำมาใช้เพื่อในการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็นและดำเนินการต่างๆ ได้แก่ ทุนนักเรียนไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 873 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น 573 ล้านบาท การฝึกอบรมครูที่ประเทศญี่ปุ่น 97 ล้านบาท จัดจ้างผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น 867 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบริหารโครงการ 290 ล้านบาท

นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) เป็นผู้จัดทำหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ 5 ปี ซึ่งเทียบเท่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3 ปี และอนุปริญญา 2 ปี สามารถศึกษาในขั้นสูงอีก 2 ปี รวม 7 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ระยะแรกสถาบันโคเซ็น จะต้องใน 2วิทยาเขต คือ สถาบันไทยโคเซ็นสจล. และสถาบันไทยโคเซ็นมจธ. เปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ที่สถาบันโคเซ็นประเทศญี่ปุ่นให้การรับรองรวม 6 หลักสูตร ระยะเวลาดำเนินการ 13 ปี มีเป้าหมายผลิตบัณฑิต 6 รุ่น รวม 1,480 คน ศึกษาในสถาบันโคเซ็นไทยญี่ปุ่นทั้ง 2 วิทยาเขต ทั้งนี้ ในการเรียนชั้นปีที่ 3-5 จะคัดเลือกนักเรียนไปเรียนที่สถาบันโคเซ็นประเทศ ญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 ปี จำนวน 180 คน จากนั้น จะคัดเลือกอีก 328 คนรับเงินอุดหนุนการศึกษาในหลักสูตรขั้นสูง อีก 2 ปี วุฒิการศึกษาเทียบเท่าปริญญาตรี ศึกษาต่อที่ไทยและแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น นอกจากนั้น จะให้ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยเพื่อกลับมาเป็นครู 72 คน

 

ที่มา  มติชนออนไลน์