“PIM” ปรับทิศการฝึกงาน เปิดทาง นศ.ค้นหาตัวตนสู่อาชีพที่ใช่

ถึงแม้จุดแข็งที่สุดของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม)จะเป็นการเรียนรู้ควบคู่ประสบการณ์จริง (work-based education) ที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับนักศึกษา และได้รับการยอมรับอย่างยิ่งจากสถานประกอบการ แต่พีไอเอ็มก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองตลอดเวลา

การปรับหลักสูตร หรือปิดจุดอ่อนในด้านต่าง ๆ เป็นแนวทางที่สาขาวิชาการจัดการการบริการ และการท่องเที่ยว คณะวิทยาการจัดการของพีไอเอ็มได้ดำเนินการมาตลอด โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมศักยภาพของนักศึกษาให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสายงานมากขึ้น

สร้างผู้เรียนมีทักษะเข้มข้น

“วิสาขา วัฒนปกรณ์” ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะวิทยาการจัดการ พีไอเอ็มให้ข้อมูลว่าสาขาวิชาการจัดการการบริการและการท่องเที่ยวเพิ่งปรับรูปแบบการฝึกงานใหม่ เน้นให้นักศึกษาได้หาตัวตนและ career path ตั้งแต่ปีแรก ๆ รวมถึงปั้นเด็กให้มีทักษะด้าน management มากขึ้นเพื่อสามารถต่อยอดกับการทำงานได้เลยหลังฝึกงานและเรียนจบ

“หลักสูตรของเราฝึกงาน 7 ครั้ง เป็นการเรียนทฤษฎี และสลับกับการฝึกงานไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 1 จะเริ่มที่ร้าน 7-11 หลังจากนั้น จะเป็นด้านอาหารและเครื่องดื่ม ครัว หรือแผนกต่าง ๆ ของโรงแรม รวมถึงทัวร์ ข้อดีคือเด็กได้เรียนรู้หลากหลาย แล้วมาหาตัวเองในปีสุดท้ายว่าชอบอะไรก็เลือกไปฝึกสายนั้น”

“เราได้กลับมามองว่ารูปแบบนี้มันช้าไปหรือไม่ จึงปรับการฝึกงานใหม่ด้วยการวางธีมหลักของการฝึกงานต้องฝึกที่โรงแรม แต่จะฝึกส่วนไหนนั้นให้นักศึกษาเลือกเอง หากนักศึกษาเลือกแล้วเจอสายงานที่ต้องการ สามารถฝึกงานในสายงานนั้น ๆ ได้ถึงปี 4 เลย อย่างคนที่ชอบเชฟ ก็จะมีหลายสาย ทั้งตะวันตก ตะวันออกสามารถต่อยอดให้เกิดความเชี่ยวชาญได้อีก และทำให้ทักษะเข้มข้นขึ้น”

อัดแน่นด้านงาน operation 

“เสาวลักษณ์ สุคนธโอสถ” หัวหน้าสาขาวิชาการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว พีไอเอ็ม กล่าวเสริมว่าจากการปรับหลักสูตรเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มองภาพถึงธุรกิจบริการให้ครอบคลุมกว่าเดิม โดยมีการเพิ่มวิชาธุรกิจเรือสำราญ, reservation & ticketing รวมถึงวิชาการเป็นผู้ประกอบการ และวิชาหลักการมัคคุเทศก์ ในส่วนของวิชาศึกษาทั่วไปได้ตัดทอนหมวดวิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ และเพิ่มวิชาภาษาเข้าไป เพื่อให้นักศึกษาเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น จีน หรือภาษาอังกฤษมากขึ้น

“ต่อจากนี้เราจะเน้นเรื่อง management มากขึ้น หรือสาย operation ซึ่งการปรับให้นักศึกษาได้ฝึกงานซ้ำในสายงานที่เขาชอบ เขาจะมีทักษะเพิ่มมากขึ้น ไม่ต้องไปเริ่มใหม่ นอกจากนั้น จะเน้นแทรกภาษาอังกฤษไปทุกรายวิชา ทั้งการบรรยาย และเอกสารการเรียน”

ในส่วนของการเสริมประสบการณ์ให้นักศึกษา มีทั้งการฝึกงานในไทย และต่างประเทศอย่างสวิตเซอร์แลนด์, เวียดนาม, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น โดยสาขาวิชาจะมีลิสต์สถานที่ฝึกงานให้ แล้วจะพรีสกรีนก่อนว่านักศึกษาเหมาะกับแบรนด์ไหน ซึ่งจะช่วยนักศึกษาด้วยการทำ role play ตั้งแต่การเตรียมตัวจนถึงเริ่มทำงานจริง

“เราเพิ่งเปิดแล็บใหม่ของสาขาวิชาไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยใช้งบประมาณ 6 ล้านบาท ใช้ทั้งชั้นของตึกจำลองบรรยากาศของโรงแรม และมี mock up ใช้ได้จริง ตั้งแต่ front ห้องพัก ห้องอาหาร ครัว เครื่องดื่ม ซึ่งจะทำให้นักศึกษาได้ฝึกกับของจริงเลย อีกทั้งเป็นการรองรับนักศึกษาที่จะเพิ่มขึ้น โดยปีการศึกษา 2562 เราจะรับเพิ่มเป็น 100 คน จากเดิมที่รับรุ่นละ 50 คน”

ปั้นบัณฑิตเพียบพร้อมคุณภาพ

หลังจากที่เปิดหลักสูตรมาตั้งแต่ปี 2557 ตอนนี้บัณฑิตรุ่นแรกของสาขาวิชาการจัดการการบริการและการท่องเที่ยวได้ออกสู่ตลาดงานแล้ว โดยบัณฑิตที่ผ่านการฝึกงานมาอย่างเข้มข้นอย่าง “ธฤตมน บุญทรักษา” น่าจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนของ work-based education

“ธฤตมน” เล่าว่าปัจจุบันตนทำงานตำแหน่ง personal assistant agent โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ ลักษณะงานคือ phone operator ซึ่งเป็นผู้รับทุกสายโทรศัพท์จากแขกทั้งในและนอกโรงแรม โดยตำแหน่งงานนี้เป็นสายงานที่ต้องการ เพราะส่วนตัวมีความเชี่ยวชาญด้านภาษา และต้องการนำจุดแข็งของตัวเองมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด

“ตอนเรียนได้ฝึกงานหลากหลายที่ และหลายตำแหน่ง เช่น การฝึกงานใน 7-11 ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องการบริการ เป็นเหมือนก้าวแรกในการเข้าสู่อุตสาหกรรมการบริการ นอกจากนั้นยังไปฝึกแผนกจัดเลี้ยงที่สยามเคมเปนสกี้ และ front office ที่โรงแรมเรเนซองส์ รวมถึงฝึกด้านอีเวนต์ที่สยามพารากอน”

ส่วนการฝึกงานรอบสุดท้ายมีโอกาสฝึกงานที่ Southern Cross University ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยภายใต้การ MOU กับพีไอเอ็ม โดยได้รับคัดเลือกให้ไปฝึกงานที่ Hilton Surfers Paradise

“การฝึกงานเยอะ ๆ เหมือนเป็นการเรียนรู้ตัวเอง เพราะหลักสูตร 4 ปีเราเรียนทุกอย่าง ทั้งยังเป็นการค้นหาตัวเองว่าจะทำอะไรหลังเรียนจบ ซึ่งเราตั้งเป้าว่าอยากใช้ภาษาที่เรามีความถนัด ตำแหน่ง front office จึงเหมาะกับเราการเรียนกับพีไอเอ็ม ทำให้เราสามารถค้นหาตัวเอง และสามารถเลือกอนาคตให้ตัวเองได้ตามที่หวังไว้”