ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการเรียนรู้ของเด็กรุ่นใหม่ ครูจึงต้องปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนได้ตามบริบทของโลกโดยเฉพาะการเรียนการสอนด้านโภชนาการ เพราะหากเด็กได้รับการปลูกฝังพฤติกรรมด้านโภชนาการและสุขภาพที่เหมาะสมตั้งแต่วัยเยาว์ ก็จะเป็นรากฐานไปสู่การมีสุขภาพดีในระยะยาว
ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา โครงการเด็กไทยสุขภาพดี โดยบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และองค์กรพันธมิตรภาครัฐ ได้ปลูกฝังความรู้ความเข้าใจด้านโภชนาการและสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับนักเรียน ป.4-6 ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาครูผู้สอนให้สามารถสร้างสรรค์สื่อการเรียนการสอนใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้การเรียนรู้ด้านโภชนาการเป็นเรื่องง่ายและสนุกสนานสำหรับเด็ก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ในปีนี้โครงการเด็กไทยสุขภาพดีได้ร่วมกับวิทยาลัยการฝึกหัดครู ม.ราชภัฏพระนคร จัดโครงการประกวดสื่อการสอนด้านโภชนาการ พร้อมจัดอบรมเรื่องการพัฒนาสื่อนวัตกรรมที่ให้ความรู้ด้านโภชนาการ และได้รับความร่วมมือจาก บมจ.คอมเซเว่น ในการร่วมอบรมวิธีการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาสื่อดิจิทัลด้วย iPad ให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 2-4 กว่า 150 คนจากหลายสาขาวิชา
“ดร.ศศิธร โสภารัตน์” รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยการฝึกหัดครู มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เป็นโอกาสดีที่นักศึกษาจะได้พัฒนาตนเอง โดยหลักสูตรการอบรมครอบคลุมความรู้ด้านโภชนาการและการอ่านฉลาก สื่อและการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 รวมถึงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี ARและ HP Reveal
“ความรู้ทั้งหมดนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้สร้างสรรค์สื่อการสอนสำหรับนักเรียนในอนาคต เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีความเข้าใจถึงความสำคัญของโภชนาการต่อสุขภาพ สามารถอ่านฉลากโภชนาการ และวางแผนการกินให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเรียนรู้จากการลงมือทำจริง”
หนึ่งในนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม “สิรินภา ธารัตน์” นักศึกษาเอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป บอกว่า ปกติเวลาซื้อของจะดูแค่ว่าเป็นสูตรน้ำตาลน้อยหรือไม่ เพราะน่าจะดีต่อสุขภาพมากกว่า แต่การอบรมทำให้ทราบว่าบางครั้งผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าเป็นสูตรน้ำตาลน้อยกลับมีปริมาณไขมันสูงกว่าสูตรธรรมดา ซึ่งหากไม่อ่านฉลากให้ดีก่อนรับประทาน ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ในระยะยาว
“เราสามารถนำความรู้จากวิทยากรไปใช้จริงกับตัวเองและเด็ก ๆ โดยในศตวรรษที่ 21 เทรนด์การเรียนรู้ของเด็กกำลังเปลี่ยนไป เขาจะเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองมากกว่าการรับฟังจากคุณครูเพียงฝ่ายเดียว อีกทั้งชอบการเรียนรู้ที่มีสื่อมากระตุ้นความสนใจในการเรียน”
“การนำเทคโนโลยีมาใช้ในสื่อการเรียนการสอน ช่วยให้การเรียนมีความกระชับมากขึ้น แทนที่ต้องใช้เวลาสอนในคาบเรียนหลายชั่วโมง เราสามารถนำเนื้อหาทั้งหมดมาย่อยเป็นวิดีโอได้ภายใน 5-10 นาที ส่งผลให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้นด้วย”
หลังเสร็จสิ้นเวิร์กช็อปตลอดเวลา 3 วัน นักศึกษาทั้งหมดได้จับกลุ่มรวมทีม ทีมละ 2-3 คน เพื่อคิดค้นและพัฒนาสื่อการสอนด้านโภชนาการที่เป็นนวัตกรรมสมัยใหม่สำหรับนักเรียนชั้น ป.4-6 โดยผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะถูกนำไปทดลองใช้จริงในโรงเรียนประถมศึกษาที่ร่วมโครงการ และจะประกาศผลทีมที่ชนะเลิศในวันที่ 23 พ.ค. 2562
ทั้งนั้น ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงานโครงการเด็กไทยสุขภาพดี เนสท์เล่ได้เข้าไปร่วมมือกับโรงเรียนกว่า 13,000 แห่งทั่วประเทศซึ่งมีครูกว่า 7,600 คน และนักเรียนกว่า 1.67 ล้านคนได้รับประโยชน์จากสื่อการเรียนการสอนของโครงการนี้