คาดส่งกฎหมายตั้งกระทรวงอุดมศึกษาฯเข้าสนช.โค้งสุดท้าย 6 มี.ค.

นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ว่าตนขอบคุณคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. … กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นและข้อห่วงใยของอธิการบดีทั่วประเทศ และทบทวนโครงการสร้างภายในของกระทรวงการอุดม โดยตัดกรมอุดมศึกษาออก และปรับฐานะสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ให้รวมอยู่ในสำนักงานปลัดกระทรวงใหม่แทน หลังจากนี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา หรือไม่น่าจะมีสิ่งใดโผล่เข้ามาอีก แต่หากถามว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อีกหรือไม่ ก็ยังสามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาในวาระ 3 ซึ่งเป็นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งหมด แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก ส่วนใหญ่จะเห็นตามที่ กมธ.เสนอ เพราะถือว่าได้มอบหมายให้ กมธ.ดูแลในรายละเอียดแล้ว ดังนั้นทุกอย่างค่อนข้างลงตัว ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรจุเข้าวาระการพิจารณาของ สนช.วาระ 2 และ 3 ภายในวันที่ 6 มีนาคมนี้

“การที่ สกอ.เป็นสำนักงานปลัดกระทรวงฯ เป็นสิ่งที่สำคัญ งานอุดมศึกษาต้องเป็นฐานและผู้นำ เพราะอุดมศึกษาครอบคลุมทั้งวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเราต้องเน้นเรื่องพันธกิจของสถาบันอุดมศึกษาให้ชัดเจน จึงยกขึ้นมาเป็นชื่อของกระทรวงด้วย ดังนั้นหากอุดมศึกษาไม่มีบทบาทเป็นผู้นำ จะทำให้งานวิจัย นวัตกรรม งานด้านวิทยาศาสตร์ ไม่เกิดผล ไม่สามารถเป็นประเทศไทย 4.0 ได้เลยถ้าอุดมศึกษาไม่เข้มแข็ง อุดมศึกษาสร้างทั้งคน วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” นพ.อุดม กล่าว และว่า

ทั้งนี้ สำนักงานปลัดจะเป็นหน่วยงานที่ดูภาพใหญ่โดยรวม สกอ.และสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) และ สกอ.มาอยู่ในสำนักงานปลัดกระทรวงใหม่ เพราะหน่วยงานใน วท.ส่วนใหญ่เป็นองค์การมหาชนไปหมดแล้ว และในอนาคตอุดมศึกษาโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยทุกกลุ่มที่มีความพร้อมก็จะได้รับการสนับสนุนให้เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ต่อไปกระทรวงการอุดมก็จะเป็นกระทรวงตัวอย่างที่มีส่วนราชการคือสำนักปลัดเพียงหน่วยงานเดียว ที่เหลือเป็นองค์การมหาชน และมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ขณะเดียวกันการทำงานของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมก็ต้องปรับแนวคิดใหม่ ไม่ทำงานแบบนี้อีกต่อไป จะไปควบคุมมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีสภามหาวิทยาลัยคอยกำกับดูแลอยู่ มีความเป็นอิสระ สำนักงานปลัดจะเป็นหน่วยงานที่คอยเชื่อมโยงเรื่องงบประมาณ ยุทธศาสตร์ เป้าหมาย และสนับสนุนส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยทำให้สำเร็จตามพันธกิจที่เรามอบหมาย การทำงานจึงเปลี่ยนรูปแบบไป เชื่อว่าจะเป็นบทบาทสำคัญที่จะยกระดับการแข่งขันของประเทศให้ดีขึ้นได้