“บริติช” มอบทุนเรียนอังกฤษ ส่งเสริม ป.โทสนอง New S-curve

การศึกษาที่ดีเป็นจุดเริ่มของการผลิตคนที่มีคุณภาพเพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ ซึ่งทุนการศึกษาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการศึกษาที่ดี ด้วยเหตุนี้ บริติช เคานซิล องค์กรนานาชาติเพื่อส่งเสริมการศึกษา ศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งสหราชอาณาจักร ที่มีสำนักงานอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย จึงร่วมกับรัฐบาลอังกฤษและมหาวิทยาลัยในราชอาณาจักร เปิดชิงทุนการศึกษา Great Scholarships 2019 เพื่อศึกษาต่อสหราชอาณาจักร ครอบคลุมสาขาวิชาภายใต้กลุ่ม New S-curve ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0

“อุไรวรรณ สะโมลี” หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า ทุน Great Scholarships เป็นทุนการศึกษาระดับปริญญาโท มีจำนวนทั้งหมด 5 ทุน มูลค่ากว่า 4,000,000 บาท ทุนละ 20,000 ปอนด์ หรือประมาณ 800,000 บาท ซึ่ง 1 ทุน ต่อ 1 มหาวิทยาลัย โดยครอบคลุมสาขา New S-curve ได้แก่ สาขาการบินและโลจิสติกส์ (aviation and logistics) สาขาวิทยาการหุ่นยนต์ (robotics) สาขาสาธารณสุขศาสตร์ (medical hup) สาขาพลังงานชีวเคมี (biofuels and biochemicals) และสาขาดิจิทัล (digital) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย โดยใช้ระยะเวลาเรียนเพียง 1 ปี ในสหราชอาณาจักร

“เราร่วมกับมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ 5 แห่ง โดยแต่ละแห่งจะมีชื่อเสียงระดับแนวหน้าในแต่ละสาขาวิชา ได้แก่ Cranfield University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสาขาการบิน โดยมีสนามบินเพื่อใช้สำหรับการเรียนการสอนของตัวเอง ในขณะที่ทุนการศึกษาต่อสาขาวิทยาการหุ่นยนต์ จะได้เรียนที่ University of Southampton ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศอังกฤษ ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และมีหลักสูตรเฉพาะทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) และด้านเมคาทรอนิกส์ หรือเครื่องกลชั้นสูงอีกด้วย”

“ส่วน St.Mary”s University เป็นอันดับ 1 ของสถาบันในลอนดอน ด้านความพึงพอใจของผู้เรียนหลักสูตรด้านการดูแลสุขภาพ อิงจากข้อมูลจาก NSS 2018 ทั้งยังเป็นสถาบันที่มีเกณฑ์การเติบโตสูงที่สุดเป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร โดยเน้นคุณภาพการเรียนการสอนด้วยคุณภาพรางวัลเหรียญเงินด้าน Teaching Excellence Framework ปี 2017”

“สำหรับ Newcastle University ให้ทุนเรียนสาขาชีวมวล และชีวเคมี เป็นสถาบันการศึกษาที่ต้อนรับนักศึกษาชาวต่างชาติกว่า 27,750 คน จาก 130 ประเทศทั่วโลก และยังเป็นสมาชิกของ Russell Group ซึ่งเป็นกลุ่มสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยของสหราชอาณาจักร อีกทั้งมีชื่อเสียงระดับโลกในสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์และวิศวกรรม มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์”

ขณะที่ Regent”s University London เป็นมหาวิทยาลัยที่ให้ทุนเรียนสาขาดิจิทัล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอนดอน จัดอยู่ในลำดับที่ 11 ของกลุ่ม Regent”s University London ด้านความพึงพอใจของผู้เรียนสาขาธุรกิจและการจัดการ ในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากที่บัณฑิตจบการศึกษาจากสถาบัน 93% ได้งานทำและกำลังศึกษาต่อ และมีฐานเงินเดือนสูงติด 1 ใน 10 ของบัณฑิตที่ได้งานจากทั่วประเทศ สำหรับเด็กที่ไปเรียนจะมีโอกาสสัมผัสกับดิจิทัลเทรนด์ต่าง ๆ ของอังกฤษ โดยผู้ที่สนใจสามารถตามกำหนดการของมหาวิทยาลัยที่ร่วมโครงการ และตรวจสอบรายละเอียดในลิงก์ของแต่ละสถาบัน

“อุไรวรรณ” อธิบายว่า ผู้สมัครต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น ส่วนเงื่อนไขของการสมัครจะต้องส่งเรียงความว่าทำไมตัวเองถึงสนใจ และมีความเหมาะสมที่จะได้รับทุนเรียนในคอร์สเหล่านั้น และหากไปเรียนแล้วกลับมาจะสามารถทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศบ้าง ที่สำคัญ จะต้องมีคะแนนวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ IELTS 6.5 ขึ้นไป

“ทางรัฐบาลอังกฤษมีความตั้งใจที่จะให้ทุนกับเด็กไทยอีกครั้งในปีหน้า การให้ทุนครั้งนี้เป็นปีแรกของประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งจะได้มูลค่าและจำนวนทุนเท่ากัน ส่วนประเทศจีน ซึ่งได้ทุนเป็นครั้งที่ 2 ได้มูลค่าทุนและจำนวนทุนที่มากกว่า เพราะเป็นประเทศใหญ่”

“โดยปกติแล้วมหาวิทยาลัยในอังกฤษ ส่วนใหญ่จะให้ทุนกับนักศึกษาต่างชาติอยู่แล้ว สำหรับระดับปริญญาตรี หรือหลักสูตรระดับก่อนปริญญาตรี ทั้งยังมีทุนของทางรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งดูแลโดยสถานทูตอังกฤษ ชื่อทุน Chevening เพื่อไปเรียนต่อระดับปริญญาโท สำหรับทุนนี้จะเปิดทุกปีประมาณช่วงเดือนสิงหาคม มีทุนให้มูลค่า 20,000 ปอนด์ โดยครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต ตั๋วเครื่องบินไป-กลับสหราชอาณาจักร ไม่จำกัดอายุผู้สมัคร และสามารถทำงานเป็นพาร์ตไทม์ สัปดาห์ละไม่เกิน 20 ชั่วโมง”

“อุไรวรรณ” กล่าวถึงแนวโน้มการศึกษาต่อประเทศอังกฤษว่า ยังคงเป็นประเทศที่เด็กไทยเลือกไปศึกษาต่อเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสอง คือ สหรัฐอเมริกา และอันดับสาม คือ ออสเตรเลีย สัดส่วนนักศึกษาต่างชาติที่ไปเรียนอังกฤษ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กจีน และอินเดีย ส่วนประเทศไทยถ้าเทียบกับประเทศที่อยู่นอกเครือสหภาพยุโรป ประเทศไทยก็จัดอยู่ 1 ใน 10 ของประเทศที่มีนักเรียนไปเรียนอังกฤษสูงสุด

“จำนวนเด็กไทยที่ไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4% ในปี 2018 ปัจจุบันมีเด็กไทยเรียนมหาวิทยาลัยในอังกฤษ 7,000 คน และจำนวนเด็กไทยที่ไปเรียนภาษาที่นั่นในปี 2018 เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ซึ่งเป็นการเรียนภาษาระยะสั้นกว่า 4,000 คนต่อปี ขณะที่ความสนใจของนักศึกษาไทยไปเรียนที่อังกฤษ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเลือกเรียนในสาขาธุรกิจ แต่ปัจจุบันนักศึกษาที่ไปเรียนด้าน STEM (science, technology, engineering and mathematics) มีปริมาณเยอะขึ้น”

“ทั้งนี้ ถือเป็นข่าวดีสำหรับนักเรียนไทย เพราะเมื่อปลายปี 2561 ทางรัฐบาลอังกฤษผ่อนผันเรื่องวีซ่าให้ประเทศไทยอยู่ในลิสต์ที่ไม่ต้องยื่นเอกสารบางตัว เช่น รายงานการเคลื่อนไหวทางบัญชีการเงิน และผล IELTS เพื่อทำให้สะดวกขึ้น ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยไปเรียนต่อที่อังกฤษมากขึ้น”

“สำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านหลักสูตร เราจะเห็นว่ามหาวิทยาลัยในอังกฤษมีสาขาวิชาใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเกี่ยวกับ big data เพราะเรามุ่งหวังที่จะมีเด็กไทยไปศึกษาต่อในสาขาเหล่านี้มากขึ้นด้วย”


นับว่าทุน Great Scholarships เป็นการส่งเสริมประเทศไทยในการขับเคลื่อนให้เป็นศูนย์กลางในด้านต่าง ๆ ของภูมิภาค อย่างด้านการบิน และโลจิสติกส์ หรือทางการแพทย์ เพราะประเทศไทยยังขาดบุคลากรจำนวนมาก โดยเฉพาะบุคลากรที่มีองค์ความรู้ระดับโลก