“บิ๊กตู่” ตั้ง “ประจิน” ปธ.คกก.ขับเคลื่อนกระทรวง อว. คาดคลอดกระทรวงใหม่ 25 มิ.ย.รับรัฐบาลใหม่

นายอุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.รับทราบความก้าวหน้าการตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (อว.) ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกระทรวง อว. ทั้ง 10 ฉบับเมื่อวันที่ 5 มี.ค. โดยคาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 25 มิ.ย.

โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน เพื่อเตรียมการรับรองการตั้งกระทรวงใหม่ในระหว่างรอร่างพ.ร.บ.ตั้งกระทรวงใหม่มีผลบังคับใช้

ในส่วนของอัตรากำลังพล 1.เปิดโอกาสให้บุคลากรเลือกตามความเชี่ยวชาญเฉพาะ 2.พิจารณาตามคุณสมบัติ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สำหรับงบประมาณปี 2562 ให้ปรับแผนการใช้จ่ายโดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงบประมาณ ส่วนงบประมาณปี 2563 จะเป็นงบประมาณภายใต้โครงสร้างกระทรวงใหม่ คาดว่าจะใช้งบประมาณประมาณประจำปีประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ไม่รวมงบวิจัย

สถานที่ใช้ อาคารพระจอมเกล้า ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่พหลโยธิน และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) บริเวณถนนศรีอยุธยาเป็นหลักในระยะ 1-2 ปีเพื่อจัดสถานที่ตั้งสำนักปลัดรัฐมนตรีและสำนักปลัด โดยอนาคตควรมีพื้นที่ใหม่เพื่อรวมหน่วยงานของกระทรวงทั้งหมด โดยมีตัวแทนจากกรมธนารักษ์พิจารณาสถานที่ที่เหมาะสม โดยมีพื้นที่ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) บางเขน พื้นที่ 40 ไร่ เพื่อวางแปลนใหม่ในระยะยาว

สำหรับไทม์ไลน์ เมื่อกฎหหมายเกี่ยวกับการจัดตั้งกระทรวงใหม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและบังคับใช้ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ตั้งรัฐมนตรีว่าการและปลัดกระทรวง 2 คน เพื่อทดแทนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ และเลขาธิการสกอ. โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย รายงานออปชั่นให้ครม.ฟังว่า หากประกาศในราชกิจจานุเบกษาในช่วง 1-2 อาทิตย์ ก่อนถึงวันที่ 25 มิ.ย. จะเป็นช่วงที่เกิดรัฐบาลใหม่ตามโรดแมปเดิม หรือ ได้ครม.ชุดใหม่แล้ว จะทำให้ต้องตั้งใหม่อีกเพราะจำนวนล็อกไว้ หรือ ต้องตั้งเสริมและถวายสัตย์ปฎิญาณภายหลัง ซึ่งจะเกิดความยุ่งยากแต่หากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเร็ว หรือ ต้นเดือน พ.ค. รัฐบาลต้องตั้งรัฐมนตรีรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ก็เป็นความยุ่งยากอีกแบบ

“ในที่ประชุมครม.จึงเสนอว่าให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประสานกับสำนักราชเลขาเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาใกล้เคียงกับการมีรัฐบาลใหม่”