เด็กเรียนวิศวะลดลง สภาวิศวกรหาแนวทางปฏิรูป

เหตุเพราะคนรุ่นใหม่เรียนด้านวิศวกรรมน้อยลง จึงค่อนข้างเสี่ยงเป็นอาชีพขาดแคลนในอนาคต ซึ่งสวนทางกับความต้องการของประเทศ ด้วยเหตุนี้ สภาวิศวกร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, กรมโยธาธิการและผังเมือง และสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย จึงเปิดเวทีปฏิรูปวิศวกรไทยเพื่อรับฟังความคิดเห็น และร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการยกระดับวิศวกรรมไทย ในการกำหนดเส้นทางใหม่เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และก้าวทันในยุคดิสรัปชั่น

โดยหวังว่าจะมาช่วยเติมเต็มห่วงโซ่ด้านวิศวกรรมที่พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดยุทธศาสตร์ของสภาวิศวกรกับก้าวต่อไปของวิศวกรไทยในปี 2020 เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง

“ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” นายกสภาวิศวกร กล่าวว่า เวทีแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิรูปวิศวกรไทย จัดขึ้นเพื่อเตร่ียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง ตอบโจทย์การพัฒนาของประเทศ รวมถึงการยกระดับมาตรฐานวิศวกรให้มีความรับผิดชอบ ควบคุมไม่ให้เกิดภยันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และมีบทบาทการเป็นที่พึ่งของสังคมในเวลาที่เหมาะสม อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจอาชีพวิศวกรในอนาคตอีกด้วย

ทั้งยังเป็นโอกาสในการปฏิรูปให้วิชาชีพวิศวกรเป็นอาชีพที่เป็นเสาหลักของประเทศได้ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีคนรุ่นใหม่ที่สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์น้อยลงอยู่ที่ 33,000 คนต่อปี ในจำนวนนี้มีผู้ขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพประมาณ 7,000 คนต่อปี ซึ่งอาจมีเพียงบางส่วนที่ประกอบอาชีพวิศวกร และคาดว่าในอนาคตอันใกล้ ไทยจะมีสัดส่วนของคนเป็นวิศวกรเพียงร้อยละ 5 ของประชากรทั้งประเทศ

จากสถานการณ์คนเรียนวิศวกรรมศาสตร์น้อยลง ทำให้สภาวิศวกรจึงต้องเร่งปฏิรูปด้านวิศวกรรมให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเร็วที่สุด เพราะวิศวกรยังคงเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย

“เราจะเพิ่มบทบาทในการให้คำปรึกษาและแนะนำกับรัฐบาล เพื่อร่วมกันออกแบบแผนการดำเนินงานที่จะส่งผลต่อการพัฒนาและแก้ปัญหาสำคัญระดับประเทศ ตามเทรนด์ด้านวิศวกรรมของโลก เช่น นวัตกรรมด้านการแพทย์สาธารณสุข พลังงานทดแทน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการป้องกันประเทศ การเติบโตของอุตสาหกรรมอีสปอร์ต เทคโนโลยีด้านอากาศยาน การพัฒนาหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า วิศวกรรมการเงิน และสมาร์ทฟาร์ม”

ขณะที่ “สมัย ลี้สกุล” รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า สิ่งที่สำคัญคือวิศวกรรุ่นใหม่ต้องเก่งรอบด้าน ทั้งด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ขณะเดียวกันต้องผสมผสานองค์ความรู้ด้านศิลปศาสตร์ เพื่อให้เกิดกรประยุกต์ใช้ และตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในที่สุด

“อีกทั้งยังต้องกระตุ้นให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรอยู่แล้ว รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะปรับตัวสู่ความท้าทายได้ในอนาคต พร้อมแนะให้สภาวิศวกรจับมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อใช้องค์ความรู้ความเชี่ยวชาญของแต่ละสถาบัน นำมาสู่การใช้งานจริงและยังเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงบทบาทการทำงานเพื่อสังคมได้มากขึ้น”

ทั้งนี้ ภายหลังจากการประชุมการปฏิรูปวิศวกรไทย สภาวิศวกรจะนำความคิดเห็นที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิ และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณายกร่างแผนแม่บทก้าวต่อไปของวิศวกรไทยในปี 2020 อย่างรอบด้าน

โดยแผนแม่บทดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกร มุ่งเน้นกลุ่มไปยังเป้าหมายของคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ในสถาบันการศึกษา ตลอดจนผู้ที่สำเร็จการศึกษาและก้าวสู่วิชาชีพวิศวกรที่มีทักษะความรู้เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลง ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม