ม.กรุงเทพธนบุรีย้ำการเงินปึ้ก เปิดคณะใหม่เพิ่ม-แจงไม่ได้ขายหุ้นให้จีน

ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง รองอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา ม.กรุงเทพธนบุรี
ม.กรุงเทพธนบุรีแจง ข่าวลือขายหุ้นให้ทุนจีนไม่จริง ไม่เคยเจรจาหรือถูกทาบทามซื้อ ยันฐานการเงินแข็งแกร่ง น.ศ.ไทย-จีนกว่า 10,000 คน ชูจุดแข็งโฟกัสสายวิชาชีพจบไปแล้วมีงานทำแน่นอน เปิดคณะน้องใหม่ทันตแพทย์-แพทยศาสตร์ ผลิตบัณฑิตคุณภาพป้อนตลาด

ตามที่หนังสือพิมพ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้นำเสนอข่าว “ทุนจีนกวาดซื้อมหา’ลัยไทย” โดยปรากฏชื่อ “มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี” เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ได้ขายหุ้นให้กับนักลงทุนจีนนั้น ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง รวมทั้งไม่เคยได้รับการทาบทามจากนักลงทุนจีนแต่อย่างใด ที่สำคัญมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีมีผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงรายเดียว และจดทะเบียนจัดตั้งมหาวิทยาลัยโดยใช้ชื่อ “ผศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล” เท่านั้น การเข้ามาถือหุ้นของต่างชาติจึงไม่สามารถทำได้แน่นอน

นอกจากนี้ธุรกิจในเครือไม่ได้มีเฉพาะสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ยังมีสถานศึกษาอื่น ๆ อีกในเครือ เช่น โรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี และวิทยาลัยโปลีเทคนิคกรุงเทพ ที่สำคัญมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มีความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างมาก ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาไทย-จีนรวมแล้วกว่า 10,000 คน

ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง รองอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา ระบุว่าเป้าหมายของมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นสร้างบัณฑิตที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างแท้จริง บัณฑิตทุกคนของมหาวิทยาลัยผ่านการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ขณะเดียวกันช่วงเปิดเรียนเทอมใหม่นี้ มหาวิทยาลัยได้เปิดคณะใหม่คือ คณะทันตแพทยศาสตร์ ซึ่งได้รับการรับรองผ่านเกณฑ์มาตรฐานจากทันตแพทยสภา และในปี 2563 จะเปิดคณะแพทยศาสตร์เพิ่มเติม เพื่อรองรับนักศึกษาที่มีความต้องการที่หลากหลายอีกด้วย ชี้ให้เห็นว่า มหาวิทยาลัยยังมีความมั่นคงในทุกด้าน

ดร.ดวงฤทธิ์กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรียืนยันว่าไม่เคยเจรจากับนักลงทุนรายใด ไม่เคยมีทุนจีนเข้ามาทาบทามซื้อ และไม่มีช่องทางให้นักลงทุนเข้ามาถือครองได้แน่นอน เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท จึงไม่มีใครถือหุ้น นอกจาก ดร.บังอรคนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งหากมีนักเรียนจีนสนใจก็สามารถเข้ามาสมัครเรียนได้ตามปกติ และเปิดรับนักเรียนจีนได้ทุกสาขา เท่ากับมหาวิทยาลัยมีความพร้อมที่จะดูแลด้านการศึกษาอย่างครบวงจร

“เราเชื่อว่าสังคมต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ ซึ่งมหาวิทยาลัยของเราเน้นไปที่วิชาชีพ เมื่อเรียนจบแล้วมีงานทำแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคณะวิทยาศาตร์การกีฬา ที่ได้เป็นแชมป์กีฬามหาวิทยาลัย เพราะกีฬาตอนนี้พัฒนาเป็นอาชีพได้เงินดี สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ จากนี้ยังมุ่งไปในคณะที่เป็นวิชาชีพทั้งหมด ตั้งแต่แพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ พยาบาล และบัญชี ขณะเดียวกันเพื่อให้สอดคล้องกับคณะที่มีการเปิดสอน มหาวิทยาลัยได้พัฒนาคลินิกทันตกรรม เนื่องจากมีความมุ่งมั่นว่า บุคลากรทางการแพทย์ที่ผลิตได้เป็นบุคลากรในแบบที่ประเทศชาติต้องการ” ดร.ดวงฤทธิ์กล่าว