ตลาดศึกษาต่อ ตปท.สดใส เด็กไทยแห่เรียน-ไม่หวั่นก่อการร้าย

ข่าวเกี่ยวกับการก่อการร้าย และเหตุการณ์ความไม่สงบในแต่ละมุมของโลก ปรากฏให้เห็นเป็นระยะ ๆ โดยในแง่ของแวดวงการศึกษาจะพบว่าแม้แต่ประเทศที่เป็นจุดหมายยอดนิยมในการเรียนต่อต่างประเทศก็หนีไม่พ้น ซึ่งนี่เป็นหนึ่งประเด็นสำคัญที่ใช้ในการตัดสินใจของผู้เรียนเมื่อไปเรียนต่อต่างแดน ไม่แพ้เรื่องวิชาการ ที่พักอาศัย และอื่น ๆ

ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ประเทศฮอตฮิตจะได้รับผลจากสถานการณ์ดังกล่าวมากน้อยเพียงใด แล้วเอเยนซี่ศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องเตรียมการหรือตั้งรับอย่างไร

สำหรับเรื่องดังกล่าว “แอนดรูว์ กลาส” ผู้อำนวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย มองว่าประเด็นเรื่องของการก่อการร้ายไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมด้านการศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ช่วง 1-3 วันแรกเท่านั้น ซึ่งด้วยคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษายังเป็นปัจจัยที่ดึงดูดให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาเลือกมาเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ

นอกจากนั้น จากข้อมูลของ HESA (The Higher Education Statistics Agency) ปี 2015/2016 ระบุว่าจำนวนนักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในประเทศอังกฤษมีจำนวน 6,095 คน ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับ 9 ของกลุ่มประเทศ non-EU ที่ส่งนักศึกษาไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ

ขณะที่เอเย่นต์ศึกษาต่อต่างประเทศอย่างไอดีพี เอดยูเคชั่น (IDP Education) “พงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ” ผู้จัดการบริการนักเรียน ไอดีพี เอดยูเคชั่น เซอร์วิสเซส ให้ความเห็นว่าการก่อการร้ายเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก แต่ถือว่ามีผลกระทบทางจิตวิทยา เพราะทุกคนจะคำนึงถึงความปลอดภัย และทางเอเย่นต์ก็ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เช่นกัน

“ตอนแรกเด็กอาจวางแผน หรือมีประเทศในใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศที่เขาตั้งใจจะไป ก็จะมีการสลับไปยังประเทศอื่น หรือหากมีการก่อการร้ายเกิดขึ้นในประเทศที่เด็กเรียนอยู่ เราจะติดต่อสอบถามเด็กทันทีว่าเขาโอเคกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ หรือต้องการย้ายเมือง ย้ายประเทศ กระนั้น ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเด็กย้ายที่เรียนระหว่างเรียนด้วยเหตุผลนี้ เพราะเขามีความตั้งใจจริงในการไปเรียนอยู่แล้ว อีกทั้งพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ก็ไม่ค่อยอยู่ในเขตสถาบันการศึกษาด้วย”

ในส่วนของ IDP Education นอกจากจะมีสถานที่เรียนให้เด็กได้เลือกเปลี่ยนแล้ว ยังมีทีมงานสนับสนุนอยู่ใน 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทางทีมดังกล่าวจะไปเช็กว่าสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน เพื่อประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้อง หลังจากนั้น จะส่งต่อข้อมูลไปยังเด็กที่ศึกษาในประเทศนั้น ๆ ขณะเดียวกัน มีบริการ Hotline Service รองรับในกรณีที่เด็กเกิดปัญหาระหว่างการเรียน สามารถโทร.ไปที่สายด่วนนี้ได้ โดยนำร่องไปแล้วที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งบริการนี้จะสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ปกครองได้มากขึ้น

“เรื่องนี้กระทบต่อธุรกิจของ IDP น้อยมาก เพราะเรามีวิธีการรับมือ และมีแผนงานที่ชัดเจน พร้อมมีทางเลือกให้เด็กตลอด ซึ่งเราจะคุยกับเด็กเสมอ และให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจากการเตรียมพร้อมของเรา ทำให้ข่าวเรื่องก่อการร้ายไม่มีผลกระทบต่อเด็กของเราเลย”

สำหรับมุมมองของ “ช่อทิพย์ ประมูลผล” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย บอกว่า ประเด็นก่อการร้าย และความไม่สงบในต่างประเทศอาจมีผลกระทบกับธุรกิจศึกษาต่อต่างประเทศอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับประเทศที่ผู้เรียนไปศึกษา เพราะผู้ปกครองจะเป็นห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของลูกอยู่แล้ว แต่ประเทศนิวซีแลนด์แทบไม่ได้รับผลกระทบ เพราะไม่ใช่ประเทศเป้าหมายและไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ

“หากดูการจัดอันดับของ Global Peace Index ปี 2017 พบว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีความสงบสุขที่สุดในโลกเป็นอันดับ 2 อีกทั้งยังเป็นประเทศแรกของโลกที่ออกกฎเกี่ยวกับการดูแลสวัสดิภาพของนักเรียนต่างชาติ ทำให้ผู้ปกครองและเด็กสามารถไว้วางใจได้”

ทั้งนั้น “ช่อทิพย์” มองว่าอีกแง่หนึ่งจากข่าวการก่อการร้ายนับเป็นแง่บวกสำหรับประเทศนิวซีแลนด์ เพราะผู้ปกครองย่อมหาประเทศที่สามารถมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย และนี่เป็นจุดเด่นที่เราใช้ในการโปรโมต ด้วยความที่ตลาดหลักของนิวซีแลนด์คือกลุ่มเด็กชั้นมัธยมศึกษา โดยระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและเอื้อต่อการส่งเสริมศักยภาพเด็ก บวกกับความปลอดภัยเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ผู้ปกครองเลือกส่งลูกหลานมาเรียนที่นิวซีแลนด์


ดังจะเห็นได้จากการจัดงานนิทรรศการการศึกษานิวซีแลนด์เมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 600 คน เพิ่มขึ้น 30% จากปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ในปีนี้มีจำนวนนักเรียนที่สมัครวีซ่าเพิ่มขึ้น โดยหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทยได้ประเมินว่า ในปี 2560 จะมีผู้ไปศึกษาต่อที่นิวซีแลนด์เกือบ 4,000 คน หรือเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี  2559 ซึ่งจำนวนคนไทยที่ไปศึกษาต่อยังนิวซีแลนด์อยู่ที่ 3,519 คน