โรงเรียนหนองไผ่ เพชรบูรณ์ ประกาศ งดเก็บค่าเทอม

รร.งดเก็บค่าเทอม

โรงเรียนหนองไผ่ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกาศ งดเก็บค่าเทอม

วันที่ 9 มิถุนายน 2564 นางสาวอารีรัตน์ ชูรวง ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองไผ่ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ออกประกาศเรื่อง แนวทางการจัดซื้อเครื่องแบบนักเรียนและการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 สาระสำคัญระบุว่า โรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญในถสานการณ์การระบาดของโควิด-19 จึงงดเก็บค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนที่ 1/2564 จำนวน 1,700 บาท

รวมถึงงดเก็บค่าใช้จ่ายในการจัดโครงการและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเกินมาตรฐานที่รัฐจัดให้ของนักเรียนห้องเรียนที่ 1 ทุกระดับชั้น ภาคเรียนที่ 1/2564 จำนวน 1,500 บาท ตลอดจนการเก็บค่าประกันชีวิตและสาธารณกุศล จำนวน 300 บาท

พร้อมปิดท้ายว่า ทางโรงเรียนงดเก็บค่าบำรุงการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เป็นการส่งเสริม สนับสนุนการเรียนรู้ หรือค่าใช้จ่ายด้านสื่อเทคโนโลยี สื่ออินเตอร์เน็ตของนักเรียนตามรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียนกำหนด

 

 

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ปกครองร้องเรียนเรื่องการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ของสถานศึกษา เข้ามาที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จำนวนมาก ได้รับทราบปัญหาและมีนโยบายให้ต้นสังกัดของโรงเรียนและสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของ ศธ.ไปดำเนินการแก้ไขปัญหา

“เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา ดิฉันได้ลงนามในประกาศ ศธ. เรื่องแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นแล้ว โดยในประกาศดังกล่าวระบุว่า อนุสนธิประกาศ ศธ. เรื่องการเลื่อนเวลาเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2564 ลงวันที่ 19 พ.ค. 2564 เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

และให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของ ศธ. จัดการเรียนการสอนเฉพาะรูปแบบการจัดการศึกษาทางไกล และหากบางโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่มีความพร้อมและประสงค์จะจัดการศึกษาในรูปแบบ On-site (เรียนที่โรงเรียน) สามารถทำได้ แต่จะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินความพร้อมของระบบ Thai StopCOVID Plus (TSC+) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อน”

ด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนดังกล่าว ทำให้มีโรงเรียนหรือสถานศึกษาบางแห่งได้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นจากผู้ปกครอง ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ปกครองในสถานการณ์ปัจจุบัน ศธ.จึงกำหนดแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัด หรือในกำกับของ ศธ. ถือปฏิบัติ ดังนี้

  1. กรณีที่ได้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นไปแล้ว ให้ “คืนเงิน” บำรุงการศึกษาหรือค่าธรรมเนียมในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระหว่างที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
  2. กรณีที่มีความจำเป็นต้องเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น เพื่อใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน อาจพิจารณา “ผ่อนผันหรือขยายระยะเวลาการเรียกเก็บ” เงินบำรุงการศึกษา หรือค่าธรรมเนียมดังกล่าวตามความเหมาะสมเป็นกรณีไป
  3. พิจารณาให้ความ “ช่วยเหลือ” ในกรณีที่ผู้ปกครองของนักเรียน นักศึกษา ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวตามความจำเป็นเหมาะสม
  4. ให้หน่วยงานต้นสังกัดหรือที่กำกับโรงเรียนหรือสถานศึกษา แจ้งเวียนไปยังสถานศึกษาในสังกัด หรือในกำกับให้ปฏิบัติตามประกาศนี้

ทั้งนี้ ให้เป็นแนวปฏิบัติตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น