ม.ศรีปทุม เริ่มฉีดวัคซีนให้ นศ. ทุกชาติ เตรียมพร้อมก่อนกลับสู่สถานศึกษา

ม.ศรีปทุม เริ่มฉีดวัคซีนให้ นศ. ทุกชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ก่อนกลับสู่การจัดการเรียนในสถานศึกษาอีกครั้ง นศ.แห่จองคิวฉีดเต็มภายใน 3 วัน

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU Sripatum University: SPU) เดินหน้าจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้นักศึกษา ครอบคลุมนักศึกษาต่างชาติที่พำนักอยู่ในไทย เพื่อให้นักศึกษาทุกคนมีภูมิคุ้มกันอย่างทั่วถึง

มหาวิทยาลัยศรีปทุม เปิดเผยประชาชาติธุรกิจว่า โควต้าวัคซีนโควิด-19 ของนักศึกษาครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยเบื้องต้น SPU ได้รับจัดสรรวัคซีน AstraZeneca มาจำนวน 4,800 โดส

SPU ได้เปิดให้นักศึกษาทุกสัญชาติลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านระบบ Line SCMS Student ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย ที่ผ่านมา ซึ่งนักศึกษาแห่จองคิวฉีดจนเต็มภายใน 3 วัน (26 มิ.ย. 2564) ทั้งนี้ กำหนดฉีดวัคซีนรอบแรกคือ 2-3 ก.ค. 2564 และรอบสองคือ 9-10 ก.ค. 2564 โดยศูนย์ฉีดจะจัดที่ ม.ศรีปทุม บางเขน กทม.

ทั้งนี้ ล็อตแรกมีนักศึกษาต่างชาติลงทะเบียนประมาณ 60 คน ทั้งนักศึกษาสัญชาติจีน เกาหลีใต้ พม่า กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ เนปาล ภูฏาน คองโก เยอรมัน และไนจีเรีย ส่วนล็อตต่อไปหากได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมแล้ว จะเป็นให้ลงทะเบียนอีกครั้งตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรรมา

ดร. รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม

“ดร. รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน” อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า SPU พยายามหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้พอกับจำนวนนักศึกษาทุกคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เพื่อทางมหาวิทยาลัยจะได้ทำการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาได้เหมือนเดิม และเพื่อความปลอดภัยของนักศึกษา ส่วนวันที่แน่นอนในการจัดการเรียนการสอนแบบ offline ขึ้นอยู่กับนโยบายและมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาลด้วย

“SPU พยายามดูแลนักศึกษาต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยทุกคนให้ได้รับการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับนักศึกษาไทย เพราะการเดินทางกลับไปยังประเทศของนักศึกษาเพื่อฉีดวัคซีนในช่วงนี้ค่อนข้างลำบาก เราจึงดูแลส่วนที่สามารถทำได้ให้มากที่สุด เพื่อให้นักศึกษาทุกคนมีภูมิคุ้มกันอย่างทั่วถึง”

อย่างไรก็ตาม การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่มีประสิทธิภาพต้องเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา ที่สำคัญทุกคนต้องเข้าถึงวัคซีนได้เร็วที่สุด