รพ.สนามธรรมศาสตร์ ห้องเก็บศพล้น พร้อมรบแตกหักรักษาชีวิต-สาธารณสุข

รพ.สนามที่เก็บศพล้น
ภาพจากเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์

รพ.สนามธรรมศาสตร์ เผยสถานการณ์ เริ่มมีปัญหาเรื่องสถานที่เก็บศพ ต้องเช่าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่ม 2 ตู้ เตรียมรบแตกหักครั้งสุดท้ายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อรักษาชีวิตผู้คน ระบบสาธารณสุข และประเทศชาติ สัญญาจะไม่ยอมแพ้

วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ รายงานสถานการณ์ประจำวันถึงปัญหาสถานที่เก็บศพที่เริ่มไม่พอ จนต้องเช่าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มอีก 2 ตู้ ข้อความทั้งหมดมีดังนี้

วันที่เก้าสิบสามของโรงพยาบาลสนามและวันที่สามสิบห้าของศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์ ข่าวดีเช้าวันนี้คือเราได้ทีมแพทย์ chest med ทั้ง staff fellow และ resident นอกจากสองคนที่แอดมิตอยู่ที่ รพ.สนาม กลับมาทำงานแล้ว หลังจากกักตัวไปแปดวันและ swab สองครั้งแล้ว ผลเป็นลบ แต่ข่าวร้ายก็คือเราต้องกักตัวทีมแพทย์ ortho อีกนับสิบราย เนื่องจากวันนี้มี resident ortho ที่ดูแลผู้ป่วยที่เพิ่งพบเมื่อวานว่าเป็นบวก ติดเชื้อจากผู้ป่วยและมีผลตรวจเป็นบวกด้วย กับมีผู้ช่วยพยาบาลอีกสองคนในสองหน่วยงานที่ต่างกันก็มีผล+ ด้วยเช่นกัน

ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ทั่วประเทศของวันนี้ที่มีมากกว่า 8,600 คน เสียชีวิต 80 คน ยังอยู่ในเกณฑ์มากผิดปกติตามที่ ได้ประเมินเอาไว้ พรุ่งนี้หรือมะรืนตัวเลขคงสูงกว่านี้มากและน่าจะผ่านหลัก 10,000 ไป เพราะเราเริ่มนโยบายตรวจให้มากและให้ใช้ rapid test ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตก็คงจะสูงตามไปด้วย

เมื่อวานมีการส่งผู้ป่วยโควิดอาการหนักถึงขนาดต้อง CPR กันในห้องฉุกเฉินเข้ามาที่ ร.พ.ถึง 4 ราย แต่เราสามารถปั๊มหัวใจจนมีสัญญาณชีพกลับคืนมา และส่งเข้ารักษาต่อใน ICU ได้เพียงสองรายเท่านั้น สถานการณ์ที่หนักหนาขึ้นเรื่อย ๆ คงทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิดในโรงพยาบาลมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

ทั้งการที่ธรรมศาสตร์มีหน่วยนิติเวชที่รับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่ปทุมธานีและใกล้เคียงอยู่ แม้จะมีเคสผู้ป่วยเสียชีวิตที่บ้าน แต่ก็จะต้องถูกส่งมาตรวจชันสูตรที่นี่ด้วย จำนวนผู้เสียชีวิตที่มากขึ้นทำให้เราเริ่มมีปัญหากับความพอเพียงของสถานที่เก็บศพวันนี้ เราจึงได้เตรียมเช่าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มสำหรับการนี้อีกสองตู้แล้ว

อันที่จริงเรื่องทำนองนี้ไม่ควรจะบอกออกไปต่อสาธารณะ แต่การที่เราแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบก็เป็นความตั้งใจที่จะบอกเล่าความเป็นจริงที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ หรือที่จะต้องเผชิญต่อไปในอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์หน้าให้ทุก ๆ ฝ่ายทราบ และเตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับระบบสาธารณสุขของเราในอีกไม่กี่วันที่จะมาถึงนี้

แต่ที่นี่ เราก็ไม่ได้นิ่งเฉยรอรับสถานการณ์ด้วยการเตรียมคอนเทนเนอร์เพิ่มไว้เท่านั้นหรอกนะ พวกเราที่นี่ขวนขวาย ขุดสนามเพลาะ ปรับปรุงค่ายคูประตูหอรบ เตรียมหาอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่ม และปรับกำลังรบกัน เพื่อเตรียมรบแตกหักครั้งสุดท้ายในสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ด้วยเหมือนกัน

วันนี้ พวกเราตัดสินใจสร้างห้อง negative pressure ขนาด 150 ตรม.ขึ้นที่ห้องฉุกเฉิน ER เพื่อรองรับ และกลั่นกรองผู้ป่วยฉุกเฉินที่ติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ก่อนที่จะผ่านเข้าไปใน ร.พ. การเพิ่มพื้นที่เฉพาะรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน PUI ได้ระดับสูงสุดถึง 15 คนพร้อมกันภายในห้องความดันลบใน ER นี้ น่าจะทำให้มาตรการป้องกันการติดเชื้อของเรามีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น โดยเฉพาะภายใน ER ซึ่งเป็นประตูเดียวที่จะผ่านเข้าสู่ทุกวอร์ดผู้ป่วยในของโรงพยาบาลได้

สถานการณ์ที่โรงพยาบาลสนาม วันนี้เรารับผู้ป่วยใหม่เข้ามาได้ 15 คน และส่งผู้ป่วยกลับได้ 39 คน ทำให้จำนวนรวมผู้ป่วยที่มีอยู่ที่ 307 คน จำนวนของผู้ป่วยอาจจะต่ำกว่า 400 มาแล้ว แต่ ”คุณภาพ” ของผู้ป่วยก็ต่างไปจากเดิมมาก เพราะผู้ป่วยหลายสิบคนได้เปลี่ยนเป็นผู้ป่วยเคสสีเหลืองไปแล้ว โดยไม่สามารถส่งกลับไปดูแลที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ซึ่งมีคนไข้โควิดเต็มล้นได้

วันนี้ รพ.สนามจึงใกล้จะกลายเป็น รพ.หลักมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่เรายังคงมีกำลังบุคลากรเท่าเดิม แต่มีภาระงานดูแลผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มมากขึ้นโดยตลอด แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยจะยังไม่เต็มทุกเตียงก็ตาม การขอส่งผู้ป่วยอาการหนักเฉพาะรายกลับเข้าใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือให้แพทย์เฉพาะโรคนั้นในรพ.หลักดูแลรักษากลางดึก จึงเป็นภาระงานยุ่งยากที่เกิดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการ refer ผู้ป่วยเคสโควิด ซึ่งบุคลากรทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมมาตรการและการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้ออย่างเต็มที่ในทุก ๆ กรณี

ภาระงานที่มีความสุขทั้งผู้ได้รับบริการและบุคลากรตลอดจนอาสาสมัครของเราต่างก็มีความสุขไปด้วยก็มีอยู่ด้วยนะ คือการให้บริการฉีดวัคซีน Astra ที่ยิม 4 วันนี้เราให้วัคซีนตามคิวนัดไปได้ทั้งสิ้น 1,897 คน และเรายังคงยืนยันจะให้วัคซีน Astra ตามคิวนัดต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคมอย่างแน่นอน

จำนวนผู้ป่วยใหม่ที่น่าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจในสัปดาห์นี้ ภาระงานที่ล้นท่วมอยู่แล้วก็คงจะหนักมากยิ่งขึ้นอีก บุคลากรของเรา ทั้งแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ เหนื่อยหนักและตรากตรำมาหลายเดือนแล้ว แต่พวกเราก็ยังคงยืนยันที่จะบอกว่า พวกเราพร้อมนะ สำหรับการรบครั้งสุดท้าย ที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์นี้ เราจะรบเพื่อรักษาชีวิตของผู้คน รักษาระบบสาธารณสุข และรักษาประเทศชาติของพวกเราเอาไว้ จนสุดกำลังความสามารถของพวกเรา จนกระทั่งหมดกำลังที่จะรบต่อไปอีกได้ .. และพวกเราสัญญาว่า เราจะไม่ยอมแพ้