“ยุทธศาสตร์” จีเอ็ม-เชฟโรเลต ยังเหนียวแน่น ไม่ทิ้งประเทศไทย

สัมภาษณ์

ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับรถยนต์สัญชาติมะกันแบรนด์ “เชฟโรเลต” ว่ากำลังจะให้ความสำคัญกับประเทศไทยน้อยลง

ทั้ง ๆ ที่เข้ามาลงหลักปักฐานสร้างอาณาจักรยิ่งใหญ่ในบ้านเรามายาวนานเกือบ 20 ปี

แข็งแกร่งด้วยตัวสินค้า เน็ตเวิร์ก แผนพัฒนาบุคลากร รวมทั้งโรงงานผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ ที่ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวจีเอ็ม ที่สามารถป้อนความต้องการของลูกค้าชาวไทยและส่งออกขายทั่วโลก

แต่หลังการประกาศปรับ “ยุทธศาสตร์” ขององค์กรครั้งใหญ่ ทั้งลดจำนวนบุคลากร และการปรับไลน์อัพสินค้า

หันมาคอนเซนเทรตเฉพาะ “ปิกอัพ-พีพีวี และเอสยูวี” ที่ตัวเองถนัดก็ยิ่งทำให้หลายคนอดกังวลถึงทิศทางของเชฟโรเลตในประเทศไทย

วันนี้ “อุณา ตัน” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประสบการณ์ลูกค้า เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย ฟันธงชัดเจนว่า จีเอ็มและเชฟโรเลต จะไม่ทิ้งลูกค้าคนไทยไปที่ไหนแน่นอน

Q : ทำไมเปลี่ยนผู้บริหารบ่อย

การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ถือเป็นข่าวดี ว่า “จีเอ็ม” เราโฟกัสที่ตลาดอาเซียน เรามีทีมผู้บริหารใหม่ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา โดยจะมานั่งประจำอยู่ในประเทศไทย

ดังนั้น ประเทศไทยก็จะเป็นจุดสำคัญ และตอกย้ำให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับประเทศไทยและภูมิภาคนี้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การควบรวมแต่เป็นการโฟกัสตลาดให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

วันนี้ภาพลักษณ์ของจีเอ็ม-เชฟโรเลตชัดเจนมากขึ้น ว่าจีเอ็มให้ความสำคัญกับประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเรามีการส่งออก และเรามีผู้บริหารคนใหม่ที่จะมาประจำประเทศไทย คือ คุณ “เอียน นิโคลส์” ที่จะมารับตำแหน่งประธานกรรมการ จีเอ็ม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดูแลทั้ง 3 ประเทศ และตลาดส่งออกอีก 12 ประเทศ

Q : โฟกัสประเทศไหนพิเศษ

สิ่งที่ชัดเจนมากที่สุดสำหรับประเทศไทย คือ จีเอ็ม มีโรงงานที่ จ.ระยอง เพื่อรองรับการส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมทั้งออสเตรเลีย โดยในภูมิภาคนี้เรามีฐานผลิต 2 แห่ง คือ ในไทยผลิตรถมิสไซล์ทรัก อย่างโคโลราโดและเทรลเบลเซอร์ และในเวียดนาม ซึ่งเป็นฐานผลิตรถยนต์นั่ง ส่วนอินโดนีเซียไม่มีแล้ว

Q : ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตใหญ่

แน่นอนสำหรับตลาดในประเทศไทย ไทยจะเป็นตลาดของมิสไซล์ทรักที่ใหญ่ที่สุดตลาดหนึ่งในโลก ดังนั้นจะเห็นชัดเจนว่าเราต้องทำงานร่วมกับประเทศอื่น และการที่ประธาน

มานั่งประจำในประเทศไทยนั้น ก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้การทำงานร่วมกันทั้ง 3 ประเทศ และวันนี้ คำถามที่หลายคนสงสัยว่า…จากนี้ไปจีเอ็มจะจากประเทศไทยไปหรือเปล่านั้น

คำตอบวันนี้ชัดเจนว่าเรามั่นใจมาก จีเอ็มยังอยู่ในประเทศไทยอย่างเหนียวแน่นแน่นอน

Q : จะสร้างความมั่นใจกับลูกค้าอย่างไร

แน่นอน ประธานคนใหม่จะดูแลตลาดทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม นอกจากนี้ยังมี “ซูมิโตะ อิชิ” เข้ามาเป็นรองประธานฝ่ายขาย การบริการ และการตลาด (วีเอสเอสเอ็ม) ของจีเอ็มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตลาดส่งออกด้วย และในแต่ละประเทศเรามีทีมงานในแต่ละประเทศที่คอยทำงานร่วมกับฝ่ายบริหาร และในการลงรายละเอียดเรามีทีมงานดูแลเพื่อให้ใกล้ชิดกับลูกค้าในแต่ละประเทศเพิ่มมากขึ้น

วันนี้เรามั่นใจว่า บริษัทแม่ต้องการเน้นย้ำการทำตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มมากขึ้นและตอกย้ำทุกอย่างให้แน่นขึ้น

Q : ความชัดเจนโปรดักต์สำหรับเมืองไทย

วันนี้เราโฟกัสอยู่ 2 รุ่น ณ ตอนนี้ ส่วนอนาคต คงจะต้องทำงานกันต่อไป วันนี้ยังไม่มีอะไรประกาศออกมา คือเทรลเบลเซอร์ กับ โคโลราโด ตามนโยบายการทรานส์ฟอร์เมชั่น หรือการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจเมื่อปี 2558 ที่จีเอ็มจะโฟกัสกับตลาดรถปิกอัพ ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยมากถึง 50% และเป็นตลาดที่เราถนัด คือ รถปิกอัพ และเอสยูวี หลายคนเกิดคำถามว่า สิ่งที่เราโฟกัสจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้มันเริ่มเห็นผลแล้ว จากยอดขาย 6 เดือนที่ผ่านมาเทียบกับปีก่อน เราโตเพิ่มขึ้น 25% วันนี้เรามีสินค้า 2 ไลน์ ซึ่งเราจะพูดถึงความเป็นอเมริกันแท้ ๆ วันนี้สิ่งที่เราตั้งใจทำเริ่มส่งผลแล้ว

Q : ดีลเลอร์ยังแฮปปี้กับเชฟโรเลต

วันนี้เรามี 92 โชว์รูม มีเปิดบ้างปิดบ้าง ส่วนจะมีการเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น วันนี้เราทำงานกันอยู่ว่าจะไปถึงระดับใด แต่เราจะทำงานร่วมกับดีลเลอร์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

Q : เป้าหมายหรือผลงานปีนี้

ปีที่แล้วเรามีส่วนแบ่งทางการตลาด 2.4% ส่วนปีนี้เราหวังว่าจะเพิ่มขึ้น จริง ๆ แล้วเราเคยมียอดขายที่มาก

กว่า แต่ตอนนั้นเรามีรถอยู่ถึง 6 แบบ แต่ปัจจุบันเราเหลืออยู่แค่ 2 แบบ ปีที่แล้วมีอยู่ 3 แบบ คือ เทรลเบลเซอร์ โคโลราโด และแคปติว่า เรามีส่วนแบ่ง 2.4% แต่ถ้าดูเฉพาะกระบะเราโตขึ้น ปลายปีที่แล้วเราขายรถได้มากเป็นประวัติการณ์ 2,000 คัน

Q : แผนการตลาดคงต้องเปลี่ยน

หลัก ๆ ที่เราต้องเน้นคือ ความเป็นอเมริกันแบรนด์ เราผลิตรถกระบะมา 100 ปี ความเป็นอเมริกัน เพอร์ฟอร์มานซ์ สมรรถนะของตัวรถ และยังมีราคาที่สามารถแข่งขันได้ แต่คนที่จะซื้อรถจะต้องเห็นในสิ่งที่เรามี ทั้งความแข็งแกร่ง การใส่เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าไปจุดขายของความเป็นอเมริกัน คนใช้เชฟโรเลตจริง ๆ แล้วคือคนที่มองอะไรที่แตกต่าง ไม่อยากเหมือนคนอื่น ทำให้มีมุมมองที่ไม่เหมือนคนอื่น และเราจะได้เห็นอะไรมากกว่า ส่วนลูกค้าเดิมที่เป็นกลุ่มรถยนต์นั่ง เรายังดูแลเหมือนเดิมและไม่ได้ละทิ้ง


สุดท้ายมือการตลาดย้ำว่า ในตลาดรถยนต์นั่ง เชฟโรเลตยังสามารถแข่งขันได้ แต่อาจจะทำได้ไม่ดีเท่ารถกระบะ ดังนั้นเชฟโรเลตต้องการจะทำกับสิ่งที่ตัวเองถนัดและเชื่อว่ามันจะทำได้ดีกว่า