ธุรกิจเกาหลีใต้ในจีนหืดจับ 2 ยักษ์ค้าปลีก “ลอตเต้ – ชินเซเก” ถอยทัพกลับแดนโสม  “ซัมซุง”มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนแค่ 1%

ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีใต้กับจีน เรื่องระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ที่ต่อเนื่องมานานกว่า 1 ปีได้มาถึงจุดที่สินค้าจากแดนกิมจิอาจจะถึงจุดน่าวิตก

เพราะผู้ประกอบการค้าปลีกเกาหลีในจีนต้องตัดสินใจลดขนาดธุรกิจลง โดย “ลอตเต้” และ “ชินเซเก” 2 ยักษ์ค้าปลีกสัญชาติเกาหลีได้พร้อมใจกันประกาศขายกิจการบางส่วนในประเทศจีนให้นักลงทุนรายอื่นมารับช่วงต่อ หลังจากถูกมาตรการกดดันจากรัฐบาลจีนและการบอยคอตของผู้บริโภคจนประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง

สำนักข่าว “จูนกัง เดลี่” ของเกาหลีใต้รายงานว่า  “ลอตเต้” ประกาศขายเชนร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต “ลอตเต้ มาร์ต” ทั้ง 112 สาขาในจีนเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากไตรมาสที่ 2 ทำยอดขายได้เพียง 2.1 หมื่นล้านวอนหรือ 1 ใน 10 ของช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว และประเมินว่าหากสถานการณ์ไม่คลี่คลายปีนี้รายได้จะหายไปถึง 1 ล้านล้านวอน แม้ที่ผ่านมาจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปช่วยถึง 7 แสนล้านวอนแล้วก็ตาม

ส่วน “ชินเซเก” ยักษ์ค้าปลีกร่วมชาติอีกรายอยู่ระหว่างดำเนินการขาย “อีมาร์ต” (e-Mart) เชนดิสเคานต์สโตร์ในจีนจำนวน 5 จาก 6 สาขาให้กับ “ซี.พี. กรุ๊ป” ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ 6.8 หมื่นล้านวอนมาก หลังประกาศขายมาตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค. เนื่องจากปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง 4 ปี รวมมากกว่า 1.5 แสนล้านวอน

จนต้องลดสาขาลงจาก 27 สาขาเหลือเพียง 6 สาขาในปัจจุบัน และถูกกระทบซ้ำจากเหตุระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD อีก ทำให้จำเป็นต้องถอนตัวหลังจากเปิดตลาดแดนมังกรมาได้ 20 ปีและหันไปเน้นตลาดอื่นที่มีศักยภาพ เช่น เวียดนาม, ลาว, กัมพูชา และมองโกเลีย ที่มีกำหนดเปิดร้านอีมาร์ตสาขา 2 ปลายเดือน ก.ย.นี้

ด้านแหล่งข่าวจากวงการค้าปลีกเกาหลียังระบุว่า ในบรรดาผู้ที่ต่อคิวเข้าซื้อกิจการที่ประกาศขายในครั้งนี้ปรากฏชื่อ “เครือเจริญโภคภัณฑ์” หรือ “ซี.พี. กรุ๊ป” ของไทยรวมอยู่ด้วยในฐานะผู้เสนอซื้อร้านอีมาร์ตจากชินเซเก

และก่อนหน้านี้ไม่นาน สำนักข่าวนิกเคอิ ญี่ปุ่น รายงานสถานการณ์ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีนว่า ถึงซัมซุงจะเป็นยักษ์ใหญ่ครองเเชมป์ตลาดที่มีมูลค่าสูงสุดในเอเชีย เเต่กลับครองตลาดสมาร์ทโฟนในจีนเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทั้งที่ช่วงสมาร์ทโฟนกำลังเติบโต โทรศัพท์จากเกาหลีใต้ได้รับความนิยมในจีน ตั้งเเต่ปี 2012-2014 ทำให้ซัมซุงผลิตโทรศัพท์มาจำหน่ายในจีนมาก ส่งผลให้บริษัทจากเกาหลีใต้ครองตลาดกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

แต่ทันทีที่ภาพลักษณ์ของซัมซุงไม่ค่อยดีนักเมื่อปี 2016 เนื่องจากโทรศัพท์บางรุ่นหลังการใช้งานเกิดระเบิด หรือไฟลุกไหม้ ทำให้ซัมซุงต้องยกเลิกโทรศัพท์มือถือรุ่นดังกล่าว ประกอบกับการทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือได้สร้างผลกระทบโดยตรง ซึ่งเกาหลีใต้ตอบสนองด้วยการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ  THAAD ที่พัฒนาโดยสหรัฐอเมริกา ทำให้ประเทศจีนรู้สึกว่า เกาหลีเหนือกำลังตอบโต้เกาหลีใต้ทางด้านเศรษฐกิจ

ในเดือนเมษายน-มิถุนายนที่ผ่านมา สัดส่วนตลาดสมาร์ทโฟนของซัมซุงในประเทศจีนอยู่ที่ 1.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แม้ IHS Markit บริษัทที่ปรึกษาในกรุงลอนดอน เผยว่า ในปี 2016 ซัมซุงครองเเชมป์อันดับ 1 ในการขายโทรศัพท์ทั่วโลก และครองส่วนเเบ่งตลาดมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ แต่สวนทางกับตลาดประเทศจีน ที่ซัมซุงอยู่อันดับ 9  เท่านั้น