ทั่วโลกแห่หนุนรถยนต์ไฟฟ้า “นอร์เวย์” เข้าวิน “รถอีวี” 100% ส่วนโตเกียวมอเตอร์โชว์ ค่ายยักษ์เข็นรถต้นแบบสุดไฮเทค

กระแส “รถยนต์ไฟฟ้า” (Electric Vehicle : EV) ที่กำลังค่อย ๆ กลืนกินรถยนต์ที่ใช้แก๊สและน้ำมันให้หายไปเรื่อย ๆ โดยขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกได้ตั้งเป้านโยบายส่งเสริมการใช้รถอีวี พร้อม ๆ กับการประกาศยกเลิกการผลิตและการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งมีการประเมินว่า “นอร์เวย์” จะเป็นประเทศแรกของโลกที่บรรลุเป้าหมายผลักดันการใช้รถยนต์อีวีแบบ 100% ในปี 2025

รัฐบาลหลายประเทศเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายที่เกื้อหนุนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมากขึ้น ตัวอย่างจาก “เยอรมนี” ที่ประกาศนโยบายเมื่อปีก่อน โดยรัฐบาลจะออกมาตรการทางภาษีเพื่อบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ยุติการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แล้วหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานที่ไม่ปล่อยมลพิษแทนภายในปี 2030 ทั้งยังเสนอให้กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) หันมาพิจารณามาตรการดังกล่าวร่วมกัน

ขณะที่เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา “ฝรั่งเศส” ได้ประกาศว่าเห็นด้วยในแนวคิดดังกล่าว พร้อมตั้งเป้าจะห้ามการซื้อขายรถทุกประเภทที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในอีก 23 ปีข้างหน้า (ปี 2040)

สำหรับ “อังกฤษ” ได้มีนโยบายสั่งห้ามการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิน นับตั้งแต่ปี 2040 เป็นต้นไป เพื่อแก้ปัญหามลพิษ และคาดว่าภายในปี 2050 รถที่วิ่งบนท้องถนนทุกคันจะเป็นรถปลอดมลพิษ ขณะเดียวกันก็มีนโยบายสนับสนุนเงินมูลค่า 255 ล้านปอนด์ เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ปัญหามลพิษที่ปล่อยออกมาจากยานพาหนะ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณภาครัฐ 3,000 ล้านปอนด์ ที่รัฐบาลมุ่งในการปรับปรุงคุณภาพอากาศ

บีบีซีรายงานว่า นักวิเคราะห์มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ในอนาคตอีกไม่นานยุโรปจะเป็นทวีปที่ไม่มีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันวางจำหน่าย และรถยนต์บนท้องถนนจะเป็นพลังงานไฟฟ้า 100% หรืออย่างน้อย 98%

สำหรับโซนเอเชียก็กระตือรือร้นในการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ “ประเทศจีน” ที่ถือว่าเป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ก็เริ่มวางแผนห้ามผลิตและจำหน่ายรถยนต์ และรถตู้ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินเช่นกัน

นายซิน กว๋อปิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่าจีนได้เริ่มวิจัยรถยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยต้องการให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และรถปลั๊กอินไฮบริด มีสัดส่วนอย่างน้อย 1 ใน 5 ของรถยนต์ที่จำหน่ายในจีนภายในปี 2025 และตั้งเป้าภายในปี 2030 ผู้ผลิตรถยนต์ต้องผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น

ขณะที่ “ญี่ปุ่น” แม้จะมีการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้ามานานนับทศวรรษ แต่สัดส่วนการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังมีไม่ถึง 1% ของยอดขายรถทุกประเภท ดังนั้น รัฐบาลจึงตั้งเป้าส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยต้องการเพิ่มสัดส่วนเป็น 20-30% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ภายในปี 2030 หรืออีก 13 ปีข้างหน้า โดยรัฐบาลออกมาตรการให้เงินอุดหนุนสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเป็นการจูงใจ ทั้งยังสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์และระบบชาร์จไฟ โดยมุ่งให้ต้นทุนลดลงและชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ทั้งยังให้เงินอุดหนุนการติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้าในสถานที่ต่าง ๆ ด้วย

ส่วน “อินเดีย” อีก 1 ประเทศที่มีเป้าหมายชัดเจน และเริ่มแผนการนำร่องแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ ตั้งเป้าให้ประเทศอินเดียใช้รถพลังงานไฟฟ้าแทนที่รถทุกประเภทที่ใช้น้ำมันทั่วประเทศภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มทดลองแผนการดังกล่าวแล้ว โดยเริ่มจาก “รถโดยสารสาธารณะ” ในกรุงนิวเดลี ซึ่งเป็น 1 ใน 13 เมืองที่มีปัญหามลพิษทางอากาศมากที่สุดใน 20 เมืองทั่วโลก

และที่น่าสนใจคือ รายงานจาก “Dagens Naeringsliv” หนังสือพิมพ์รายวันของนอร์เวย์ ระบุว่า นักวิเคราะห์ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์มองว่า แม้หลายประเทศเริ่มออกนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง แต่ “นอร์เวย์” เป็นประเทศที่มีโอกาสบรรลุเป้าหมายมากที่สุด โดยรัฐบาลนอร์เวย์ตั้งเป้าภายในปี 2025 รถใหม่ที่จำหน่ายในประเทศทั้งหมดต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่อยู่ในระยะใกล้ที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

สำนักงานสถิติของนอร์เวย์ระบุว่า เมื่อสิ้นปี 2016 ประเทศนอร์เวย์มีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100,000 คัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 400,000 คันภายในปี 2020 ตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูงมากสำหรับประเทศที่มีประชากรเพียง 5.2 ล้านคน

รัฐมนตรีคมนาคมของนอร์เวย์ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นรถพลังงานไฟฟ้าวิ่งเต็มท้องถนนของนอร์เวย์ในปี 2025 เพราะด้วยปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆเช่น ราคารถพลังงานไฟฟ้าที่ลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้รัฐบาลยังได้สร้างแรงจูงใจด้วยการงดเว้นการเก็บภาษี 25% แก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าทุกราย

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญมาจาก “ราคาไฟฟ้า” ที่ถูกลงของหลายประเทศในยุโรปและสแกนดิเนเวียที่หันมาใช้พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะนอร์เวย์ที่ 97% เป็นไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นการใช้ประโยชน์จากการละลายของหิมะขั้วโลกตลอดทั้งปี ทำให้นอร์เวย์สามารถพัฒนาเขื่อนพลังน้ำด้วยต้นทุนต่ำ ส่งผลให้นอร์เวย์มีค่าไฟฟ้าที่ถูกมากเมื่อเทียบกับรายได้ต่อหัวของประชากร สื่อบางฉบับระบุว่า ค่าไฟของนอร์เวย์ราคาถูกพอ ๆ กับประเทศไทย แต่รายได้ประชากรมากกว่าไทยถึง 3-4 เท่าตัว

“อีลอน มัสก์” ซีอีโอ เทสล่า มอเตอร์ เคยกล่าวไว้ว่า “แม้ประเทศหลัก ๆ ที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์ จะเริ่มขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมรถยนต์อีวี แต่ไฮไลต์จะอยู่ที่นอร์เวย์ ซึ่งถือว่ารัฐบาลนอร์เวย์ได้ปูทางแนวคิดนี้เป็นชาติแรก และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังวางแผนจะใช้เรือคอนเทนเนอร์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยพลังงานไฟฟ้า เป็นลำแรกของโลกในปี 2018 ถือเป็นชาติที่มีความเคลื่อนไหวเรื่องนี้มากที่สุดในตอนนี้”

และงานที่จุดกระแสรถยนต์ EV ให้ดังกระหึ่มโลกคือ งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2017 ครั้งที่ 45 ที่กำลังจัดอยู่ตอนนี้  ภายใต้คอนเซ็ปต์ BEYOND THE MOTOR ซึ่งได้รับความสนใจจากค่ายรถยนต์กว่า 30 ค่ายเเละจักรยานยนต์กว่า 10 ค่าย

ไฮไลต์เด็ดกับนวัตกรรมยานยนต์เพื่ออนาคต ประหยัดพลังงานเเละเป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม พร้อมดีไซน์ศิลปะเข้าถึงยุคทันสมัย

นิสสันเผยโฉมไอเอ็มเอ็กซ์ (IMx) รถครอสโอเวอร์รุ่นต้นแบบพลังงานไฟฟ้า ผสานเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ และมีระยะทางขับเคลื่อนมากกว่า 600 กม.

ฮอนด้า สปอร์ต เรโทร อีวีนี้ ปรากฎโฉมในงานโตเกียว มอเตอร์ โชว์ ในคอนเซ็ปต์วิสัยทัศน์แห่งอนาคตผ่านรถยนต์ของฮอนด้าที่ออกแบบมาในยุค 60 เป็นสไตล์สองประตู แฮชแบ็ค ไฟหน้าเป็นไฟกลมแนวฟิวเจอร์ริสต์

“โตโยต้า” นำโมเดลที่น่าสนใจมาเปิดตัว ทั้ง “คอนเซ็ปต์-ไอ” (Concept-i) รถพลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ

ทั่วโลกตื่นไปด้วยกระแสรถยนต์ไฟฟ้า