“ช้าง” ชน “สิงห์” เสี่ยเจริญ ซุ่มส่งเบียร์ “หงส์” ปะทะ “ลีโอ” ค่ายบุญรอด เร่งดีกรีเหล้าขาว เข็น “รวงข้าว ซิลเวอร์” บุกตลาดล่าง

ค่ายน้ำเมา “เสี่ยเจริญ” ระเบิดศึก ชงเบียร์พ่วงเหล้าขาวสูตรใหม่ซุ่มส่งเบียร์ “หงส์” รับสงครามแข่งเดือด เสริมทัพ “ช้าง” ชน “สิงห์” เร่งดีกรีอัพเกรดเหล้าขาว “รวงข้าว ซิลเวอร์” ชูดีไซน์พรีเมี่ยม ลงขยายตลาดล่าง ส่งออกขึ้นโต๊ะต่างประเทศปีหน้า

ดีกรีการแข่งขันในตลาดเบียร์ ทวีความเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง หลังจากเจ้าพ่อน้ำเมา “เจริญ สิริวัฒนภักดี” เจ้าของ “ไทยเบฟฯ” ผู้ผลิตเบียร์ช้าง มีแผนจะส่งเบียร์ตัวใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อมาต่อกรกับสิงห์ คู่ปรับสำคัญ หลังจากที่สิงห์ออกยูเบียร์มาเมื่อปีที่แล้ว และสามารถเข้าไปจับตลาดที่ยังมีช่องว่างอยู่ได้ ประกอบกับกระแสของการลอนช์เบียร์ช้างขวดเขียวก็เริ่มแผ่วลง ทำให้ยอดขายของลีโอและสิงห์ทยอยกลับคืนมา

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการธุรกิจเหล้า-เบียร์รายหนึ่ง กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ไทยเบฟฯหรือเจ้าของเบียร์ช้าง มีแผนที่จะออกเบียร์ตัวใหม่ โดยใช้ชื่อว่า “หงส์” เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับสินค้าในพอร์ตโฟลิโอ

ปัจจุบัน เนื่องจากหลัง พ.ร.บ.สรรพสามิตฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ทำให้ผู้ผลิตเบียร์ต่างมีการปรับราคาขึ้น โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ของเบียร์เมนสตรีม จนเบียร์ช้างถูกขนาบไปด้วยคู่แข่งอย่างสิงห์ไลท์ ลีโอ และยูเบียร์ (เมื่อวัดจากราคาขาย) ขณะที่สิงห์มีการขยับราคาขึ้นไปใกล้เคียงกับไฮเนเก้น ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ของเบียร์พรีเมี่ยม

“หลังการปรับราคาขึ้นตามฐานภาษีใหม่ ตลาดเบียร์ในภาพรวมจะมีเซ็กเมนต์ที่ซอยละเอียดขึ้น ในแง่ของฐานราคาที่มีความใกล้เคียงกัน เนื่องจากค่ายเบียร์มีทั้งปรับราคาขึ้น และลดราคาลง ซึ่งในช่วงราคาที่ใกล้เคียงกับช้าง มีเบียร์จากค่ายสิงห์ขนาบเอาไว้หลายตัว ในแง่ของผู้บริโภคเมื่อราคาไม่ต่างกันมากก็จะหันมาเลือกดื่มที่รสชาติกันมากขึ้น ดังนั้น หลายค่ายจึงได้มีการปรับรสชาติกันอย่างอุตลุดในช่วงที่ผ่านมา”

ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะพัฒนาอยู่ 2-3 แบรนด์ด้วยซ้ำ เพราะหลังจากที่สิงห์ได้ออกเบียร์ตัวใหม่อย่างยูเบียร์เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ช้างและตลาดมองเห็นช่องว่างที่ยังสามารถเข้าไปเจาะตลาดได้อยู่ ประกอบกับเบียร์อื่น ๆ ในพอร์ตของช้าง เช่น อาชา ก็ถือว่าจับตลาดอีโคโนมี ขณะเดียวกันเฟดเดอบรอย ที่พยายามปรับภาพลักษณ์และสร้างแบรนด์ครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่ง เพื่อแข่งขันกับตลาดพรีเมี่ยม ในเซ็กเมนต์เดียวกับไฮเนเก้น ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยระดับราคาที่ชนกับเบียร์สิงห์มากกว่า

แหล่งข่าวค่ายบุญรอดฯวิเคราะห์ว่า จากนี้การแข่งขันในตลาดเบียร์จะดุเดือดและแยกย่อยเป็นเซ็กเมนต์มากขึ้น โดยจะใช้ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างแบรนด์และทำตลาด เนื่องจากกฎหมายควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ขณะเดียวกันแหล่งข่าวระดับสูงจากวงการเหล้า-เบียร์อีกราย ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมาตลาดเบียร์ในภาพรวมหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง หากมีสินค้าใหม่ออกมาก็จะช่วยกระตุ้นตลาด และมู้ดของผู้บริโภคได้ไม่น้อย การที่ไทยเบฟฯมีแผนออกเบียร์ตัวใหม่นี้เอง ก็จะช่วยกระตุ้นตลาดในภาพรวม ยอดขาย รวมถึงมาร์เก็ตแชร์ได้

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ไทยเบฟฯยังเปิดตัวเหล้าขาวแบรนด์ใหม่ “รวงข้าว ซิลเวอร์” ซึ่งเป็นการปรับภาพลักษณ์เหล้าขาว “รวงข้าว” แบบเดิมที่ใช้ขวดสีชา มาเป็นขวดสีใส พร้อมกับฉลากใหม่ให้ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ โดยรวงข้าว ซิลเวอร์ ขนาด 35 ดีกรี จำหน่ายขวดละ 168 บาท ขณะที่รวงข้าวแบบเดิม 30 ดีกรี 35 ดีกรี และ 40 ดีกรี ขวดใหญ่ เฉลี่ยราคาขวดละ 92-102 บาท

นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจสุรา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ต้องการให้ “รวงข้าว ซิลเวอร์” เข้ามาเสริมทัพ เพื่อขยายโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคในช่องทางร้านอาหาร เนื่องจากเดิมทีการบริโภคที่ร้านอาหารไม่นิยมสั่งเหล้าขาวเข้าไปจำหน่าย โดยจะมีช่องทางหลักในการขายอยู่ที่ร้านโชห่วย และนิยมดื่มเป็นแก้วเป๊กด้วยภาพลักษณ์ของเหล้าขาวที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน จึงทำให้โจทย์สำคัญในการทำตลาดต้องสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ และพฤติกรรมการดื่มแบบใหม่ ๆ เช่น นำไปผสมกับมิกเซอร์ แบบเดียวกับการดื่มวอดก้า เป็นต้น


โดยในช่วงปี 2561 ไทยเบฟฯจะนำเหล้าขาวแบรนด์ “รวงข้าว ซิลเวอร์” เข้าไปจำหน่ายในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และเมียนมา ตลอดจนภูมิภาคเอเชียเหนือ อย่างจีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อรับกับการขยายตัวของตลาดเหล้าขาว หรือ white spirit ในกลุ่มประเทศดังกล่าว