คนไทยถูกจับที่ญี่ปุ่นเกือบทุกวัน! สถานทูตฯ เตือนสติ ลักลอบขนยาเสพติด เจอคุก 10 ปี – ปรับหลายล้านเยน

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กเตือนสติคนไทย เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ว่า
“หลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งจากตำรวจญี่ปุ่นว่ามีคนไทยถูกจับกุมที่สนามบินในข้อหาลักลอบนำยาเสพติดเข้าญี่ปุ่นเกือบทุกวัน! บางวันหลายคน!! ซึ่งเป็นความถี่และปริมาณการถูกจับที่สูงจนน่ากลัว ผู้ถูกจับกุมมีทุกเพศทุกวัย ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง ทั้งวัยรุ่น และผู้สูงอายุ หลายคนถูกหลอก หลายคนตั้งใจให้เค้าหลอก ทั้งจากแฟน จากเพื่อน จากผู้ว่าจ้าง ฯลฯ
การลักลอบขนยาเสพติดเข้าญี่ปุ่นมีโทษร้ายแรง และผู้กระทำผิดถูกดำเนินคดีทุกราย อย่าให้ตัวคุณต้องประสบชะตากรรมเหมือนคนไทยหลายๆคนที่ต้องโทษถูกจองจำในเรือนจำญี่ปุ่นอยู่ในขณะนี้”

 

พร้อมกับแชร์สเตตัสเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2014 ที่ระบุข้อความว่า “เตือนคนไทยที่อาศัยช่องทางจากการได้รับยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) สำหรับการท่องเที่ยวระยะสั้น 15 วัน ลักลอบขนยาเสพติดเข้าญี่ปุ่น มีโทษจำคุก ไม่น้อยกว่า 10 ปี ปรับไม่ต่ำกว่า 3 ล้านเยน”

“ตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นมา มีคนไทยหลายรายถูกจับกุมที่สนามบินต่างๆ ของญี่ปุ่น ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรญี่ปุ่นตรวจพบยาเสพติดประเภทยากระตุ้นประสาทในสัมภาระและซุกซ่อนตามร่างกาย โดยบุคคลที่ถูกจับมักเป็นหญิงไทย อายุระหว่าง 20-35 ปี ได้รับการติดต่อให้ขนยาเสพติดจากชาวแอฟริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย”

“ทางการญี่ปุ่นเข้มงวดและบังคับใช้กฎหมายปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น โดยตรวจค้นสัมภาระและร่างกายของผู้โดยสารต่างชาติในสนามบินนานาชาติหลายแห่ง รวมถึงสนามบินนาริตะ ฮาเนดะ และคันไซ หากตรวจพบสารเสพติดในครอบครอง มีโทษจำคุกหลายปีและปรับเป็นเงินหลายล้านเยน หากไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ผู้กระทำความผิดต้องจำคุกเพิ่มเติมตามจำนวนเงินค่าปรับ”

“จึงขอแจ้งเตือนคนไทย เพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการรับฝากสิ่งของจากคนแปลกหน้า หรือคนแอฟริกันที่มาทาบทามให้ส่งสัมภาระหรือสิ่งของโดยที่ท่านไม่ได้ตรวจสอบ ควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่า หากจะส่งสิ่งของระหว่างประเทศ สามารถส่งทางไปรษณีย์ได้ และท่านต้องรับโทษตามกฎหมาย หากสิ่งของที่นำมาญี่ปุ่นนั้นเป็นยาเสพติดหรือของผิดกฎหมาย ไม่สามารถอ้างได้ว่าได้รับการร้องขอให้นำสิ่งของมาโดยไม่ได้รับรู้”

“มิเช่นนั้น อาจต้องประสบชะตากรรม ถูกจองจำในเรือนจำญี่ปุ่นดังเช่นคนไทยหลายสิบคนที่กำลังรับโทษอยู่ที่ญี่ปุ่นในขณะนี้”