ราคาน้ำมันดิบปรับฟื้นหลังซาอุฯ วางแผนลดการส่งออกน้ำมันดิบ-กำลังการผลิตน้ำมันดิบไนจิเรียจะถูกจำกัด

ราคาน้ำมันดิบปรับฟื้นหลังซาอุฯ วางแผนลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ส.ค. และกำลังการผลิตน้ำมันดิบของไนจิเรียจะถูกจำกัด

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ฟื้นตัวหลังผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อย่างประเทศซาอุดีอาระเบียยืนยันจะลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ส.ค. ให้ไม่เกินระดับ 6.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ กลุ่มประเทศโอเปก (OPEC) ตกลงจะเริ่มให้ไนจิเรียคงหรือปรับลดกำลังการผลิตตามความเหมาะสมหลังได้รับการยกเว้นภายใต้ข้อตกลงระหว่างกลุ่มประเทศโอเปกและรัสเซียว่าด้วยการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพื่อพยุงราคาตลาดโลก การเข้าร่วมของไนจิเรียจะมีส่วนช่วยให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของโลกปรับลดลง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันปริมาณดังกล่าวจะปรับลดลงราว 90 ล้านบาร์เรลนับตั้งแต่ต้นปี แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังห้าปี อย่างไรก็ตาม ลิเบียยังไม่ได้เข้าร่วมในข้อตกลงดังกล่าวเพราะโอเปกคาดว่ากำลังการผลิตของลิเบียยังไม่สามารถฟื้นไปได้มากกว่าระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันมากนัก ในขณะที่ก่อนจะถูกคว่ำบาตรมีกำลังการผลิตเฉลี่ยราว 1.4-1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มชะลอตัวลงจากต้นปีหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดย ณ วันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ มีจำนวน 764 แท่นและนาย Mark Richard รองประธานฝ่าย Global business develoment and marketing ของบริษัท Halliburton คาดแท่นขุดเจาะจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่ไม่เกินระดับ 1, 000 แท่นในช่วงปิดปีนี้

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากสภาพตลาดเอเชียที่ซบเซาลงเล็กน้อยและแรงกดดันจากตลาดน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการนำเข้าน้ำมันเบนซินของประเทศเคนย่า

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวลดลงของประเทศอินเดีย อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปสงค์น้ำมันดีเซลในจีนจะปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค. เนื่องจากฤดูกาลห้ามทำประมงที่เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ก.ค.ขณะที่การส่งออกจากจีนมีแนวโน้มปรับลดเนื่องจากโรงกลั่นบางแห่งจะทำการปิดซ่อมบำรุง

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นสหรัฐฯ คาดจะคงอัตราการกลั่นในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวดีขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 ก.ค. 60 ปรับลดลงราว 4.7 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 490.6 ล้านบาร์เรล

การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ทิศทางการเพิ่มขึ้นเริ่มชะลอตัวลงหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง

การผลิตน้ำมันดิบของลิเบียและไนจีเรียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยลิเบียการผลิตน้ำมันดิบล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในสิ้นเดือน ก.ค. นี้ ในขณะที่ไนจีเรียปริมาณการผลิตอยู่ที่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงกับระดับเป้าหมายที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน