หุ้นไทยพักฐานหลังดีดตัว 85 จุด นับตั้งแต่ ก.ค. “กนง.-เงินเฟ้อสหรัฐ” ชี้วัดตลาด

เล่นหุ้น ซื้อขายหุ้น
ภาพ : pixabay

“ฟิลลิป” ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้พักฐานในกรอบ 1,600-1,625 จุด หลังปรับขึ้นมามากกว่า 85 จุด นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ค.-ถูกแรงกดดันตลาดหุ้นสหรัฐดิ่ง นักลงทุนให้น้ำหนักจับตามอง ประชุม กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ดัชนีกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 3.6% ช่วง 3 วันทำการที่แล้ว พร้อมจับตาทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้ ตัวชี้วัดภาพตลาดหุ้น

วันที่ 10 สิงหาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET index มองจะพักฐานในกรอบ 1,600-1,625 จุด หลังการปรับขึ้นมาแล้วมากกว่า 85 จุด นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนก่อน อีกทั้งมีแรงกดดันจากบรรยากาศลงทุนเชิงลบในตลาดภูมิภาคหลังการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐ นำโดยดัชนี Nasdag ที่ดิ่งหนักกว่า 1.19% หลังหลายบริษัท (Micron, Novavax, Upstart) แจ้งเตือนรายได้และผลประกอบการในอนาคตอาจต่ำกว่าที่เคยคาด โดยเฉพาะ Micron Technology ที่มองกระแสเงินสดของบริษัทอาจติดลบจากอุปสงค์ในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุปสงค์ในชิปที่ลดลง

โดยประเด็นหลักที่นักลงทุนในตลาดจะให้น้ำหนักจับตามองในวันนี้คือ 1.การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พร้อมจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีที่มีการประชุมอีก 2 ครั้ง

ทั้งนี้ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ดัชนีกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นกว่า 3.6% เนื่องจากได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ท่ามกลางมุมมองว่า กนง.มีแนวโน้มจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.25% มองแม้กลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นมาแล้วจึงอาจทำให้อัตราเร่งเริ่มชะลอลง แต่ยังมองเป็นโอกาสการสะสมที่น่าสนใจด้วยมุมมองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารยังคงมีโอกาสฟื้นตัวทางขึ้นได้ต่อ ด้วยแรงหนุนจากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง หากภาพการท่องเที่ยวซึ่งมีสัดส่วนสูงราว 16% ของ GDP (ปี’62) มีการเร่งตัวขึ้นตามคาด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะหาจุดพีกได้ในช่วงไตรมาส 3/65

และ 2.ทิศทางอัตราเงินเฟ้อสหรัฐในคืนนี้ เพื่อจับสัญญาณการพีกของระดับเงินเฟ้อสหรัฐว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด จากตัวเลข CPI เดือน ก.ค.ที่ตลาดคาดจะอยู่ที่ 8.7% ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 9.1% ขณะที่ตัวเลข Core CPI ยังคาดเดินหน้าปรับขึ้นต่อเนื่องที่ 6.1% จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.9%

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนยังชอบ 1.หุ้นเปิดเมือง/ประเทศ เช่น M, CENTEL, ERW, MINT, AOT, CPALL 2.หุ้นกลุ่มธนาคารรับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น KBANK, BBL, KTB, BAY 3.หุ้นที่ประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด เช่น ITEL, WICE, SPALI, LPH

ส่วนปัจจัยอื่นที่น่าสนใจคือ 1.ตัวเลข CPI และ PPI จีน คาดขยายตัว 2.9% และ 4.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ 2.ราคาน้ำมันดิบ WTI แกว่งตัวออกด้านข้างหลัง API รายงานคลังน้ำมันดิบสหรัฐในสัปดาห์ก่อนออกมาที่ 2.2 ล้านบาร์เรล สูงกว่าคาดมาก แต่ด้านยูเครนได้เริ่มระงับการส่งน้ำมันผ่านท่อ Druzhba ไปยุโรป หลังแจงไม่ได้รับการชำระค่าส่งจากรัสเซียหลังเผชิญการคว่ำบาตรจากยุโรป และ 3.เส้นผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 2 ปี กับ 10 ปีของสหรัฐที่อยู่ในภาวะ invert ต่อเนื่องถึง -0.5% ยังสะท้อนภาพ Recession