14 สตาร์ตอัพไทยสุดเจ๋งฉลุยผ่านเข้ารอบโครงการ “Allianz Ayudhya Activator”

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ใส่เกียร์เดินหน้าโครงการ “Allianz Ayudhya Activator” ลุยปั้นสตาร์ตอัพไทยโกอินเตอร์ ฉลุย 14 ทีมสุดเจ๋งเข้ารอบติวเข้ม 12 สัปดาห์ ก่อนดัน 3 ทีมชนะเลิศ สู่ตลาดโลก

นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ “Allianz Ayudhya Activator” ในรอบแรกกว่า 120 ทีมจากทั่วประเทศ ในเบื้องต้นคณะกรรมการได้คัดเลือกทีมที่มีคุณสมบัติตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ คือ เป็นธุรกิจสตาร์ตอัพที่เกี่ยวโยงกับเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HealthTech) และอีกปัจจัยสำคัญ คือ ต้องสอดคล้องกับแนวคิดหลักของโครงการ คือ Think global from day one หรือคิดถึงตลาดระดับโลกตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้น ดังนั้น ทีมที่เลือกจึงต้องมีแนวคิดทางธุรกิจที่เกิดขึ้นได้จริงตรงกับความต้องการของตลาดโลกในปัจจุบัน และสามารถขยายธุรกิจไปสู่ระดับสากลได้

 
โดยล่าสุดได้คัดเลือกเหลือ 14 ทีมไอเดียบรรเจิดเพื่อเข้ารับการอบรมหลักสูตรสร้างสตาร์ตอัพแบบเข้มข้นเป็นเวลา 12 สัปดาห์ต่อเนื่อง โดยหลักสูตรที่จะได้เรียนรู้มีเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การปรับตัวสู่การเป็นสตาร์ตอัพ การสร้างแบรนด์และการเพิ่มมูลค่าธุรกิจสตาร์ตอัพ การหาแหล่งเงินทุน โดยการจดทะเบียน ลิขสิทธิ์ และการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดทุน
 
“เทรนด์หลักๆ ที่ทั้ง 14 ทีมนำเสนอสามารถแบ่งได้เป็น 4 เทรนด์ คือ 1.การจัดการข้อมูลสุขภาพ (Medical Data Management) 2.การติดตามข้อมูลสุขภาพของบุคคล (Health Tracking) 3.การเชื่อมโยงข้อมูลที่ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นในลักษณะทางไกลได้ (Remote Health Care) และ 4.นวัตกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น (Innovations for better living)” นายไบรอันกล่าว
 
นายไบรอันกล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นนโยบายที่กลุ่มอลิอันซ์มุ่งมั่นในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ลูกค้าต้องการสินค้าและบริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว และไม่ซับซ้อน บริษัทจึงปรับตัวและพัฒนาการบริการที่สร้างความพึงพอใจลูกค้าสูงสุด โดยเฉพาะเทรนด์การดูแลสุขภาพที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกับการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิต โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นสังคมสูงวัยนั้น การดูแลสุขภาพทั้งแบบเชิงป้องกันและเชิงรุกเป็นสิ่งสำคัญและเป็นที่ต้องการ จึงเป็นอีกพื้นที่ที่บริษัทประกันสามารถเข้ามามีบทบาทและช่วยส่งเสริมให้เกิด Solution ในการดูแลสุขภาพที่ครบวงจรได้
 
“การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือนวัตกรรมด้านดิจิทัลเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะสร้าง Solution ต่างๆ ให้เกิดขึ้น ประกอบกับสตาร์ตอัพที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างสรรค์สินค้าและบริการเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อลิอันซ์ อยุธยา เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มสตาร์ตอัพว่าจะเข้ามาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในธุรกิจ จึงต้องการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของสตาร์ตอัพไทย เพื่อประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในอนาคต” นายไบรอันกล่าว
 
สำหรับ 14 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ ประกอบด้วย
 
1.DOCTOR A TO Z ซอฟต์แวร์ Medical Tourism แพลตฟอร์มที่ให้บริการทางการแพทย์ให้บริการกับชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย และประเทศใกล้เคียงให้เข้ามารักษาตัวหรือตรวจสุขภาพในประเทศไทย
 
2.GOOGREEN แพลตฟอร์มการเปลี่ยนขยะรีไซเคิลเป็นแต้มสะสม เพื่อมาแลกเป็นรางวัล
 
3.HEALTH SMILE : SPECIFIC HOME HEALTH CHECKUP แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับตรวจสุขภาพที่เฉพาะเจาะจง สะดวก และประหยัด
 
4.BIWHOMEBOND กระจกพิเศษที่คุณจะสามารถตรวจสอบสุขภาพของคนที่คุณรักได้ทุกๆ วัน ซึ่งจะแจ้งเตือนความเสี่ยงที่ทำให้เกิดเหตการณ์ไม่คาดฝันจากโรคร้ายและอุบัติเหตุ โดยประมวลผลด้วยผลลัพธ์จากอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งแบบสวมใส่และไม่สวมใส่ผ่าน AI คอมพิวเตอร์
 
5.LOOPS แอปพลิเคชั่นสำหรับการเดินทางแบบทางเดียวกันไปด้วยกันสำหรับโรงเรียน
 
6.MEDIBOOK24 ระบบบันทึกข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลแบบอิเล็กทรอนิกส์ติดตัวคุณไปทุกที่ทุกเวลา สามารถมอนิเตอร์สุขภาพได้แบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยวิเคราะห์แนวโน้มสุขภาพได้
 
7.THE RED BOX บริหารจัดการทรัพย์สินดิจิทัลของคุณ
 
8.VITABOOST WELLNESS ให้บริการออกแบบและผลิตวิตามินสูตรเฉพาะของแต่ละคนตามผลเลือดตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัยแบบส่งตรงถึงบ้าน
 
9.WE CHEF (THAILAND) เปลี่ยนครัวที่บ้านเป็นงาน เปลี่ยนฝีมือทำอาหารเป็นเงิน เชื่อมโยงธุรกิจอาหารและธุรกิจประกันโดยใช้เทคโนโลยีเชื่อมสองเรื่องเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ
 
10.MEDISEE คอมมูนิตี้ด้านสุขภาพที่เชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพจากโรงพยาบาลและคลินิกของคุณ เพื่อให้สิทธิ์การวางแผนสุขภาพเป็นของคุณโดยแท้จริง
 
11.PILLPOKET แพลตฟอร์มผู้ให้บริการ API เชื่อมต่อหน่วยธุรกิจด้านสุขภาพ เช่น ร้านขายยา, telemedicine, medical device และบริษัทประกันภัยสำหรับดำเนินธุรกรรมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการเงิน
 
12.REMOTE-CARE ระบบเพื่อใช้ดูและติดตามข้อมูลสุขภาพของคนที่ท่านรักและห่วงใยผ่านอุปกรณ์สวมใส่ และแจ้งเตือนมายังผู้ดูแลเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ
 
13.CARPOOL รวมกลุ่มกันขับดีมีเงินคืนสูงสุด 30% ทุกปี
 
14.DIAMATE แอปพลิเคชั่นบนมือถือที่ช่วยให้ควบคุมปัจจัยเสี่ยงในการเป็นเบาหวานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน ด้วยข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่เป็นประโยชน์ผ่านทางแอปพลิเคชั่นได้ทุกที่