โดยล่าสุดได้คัดเลือกเหลือ 14 ทีมไอเดียบรรเจิดเพื่อเข้ารับการอบรมหลักสูตรสร้างสตาร์ตอัพแบบเข้มข้นเป็นเวลา 12 สัปดาห์ต่อเนื่อง โดยหลักสูตรที่จะได้เรียนรู้มีเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การปรับตัวสู่การเป็นสตาร์ตอัพ การสร้างแบรนด์และการเพิ่มมูลค่าธุรกิจสตาร์ตอัพ การหาแหล่งเงินทุน โดยการจดทะเบียน ลิขสิทธิ์ และการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดทุน
“เทรนด์หลักๆ ที่ทั้ง 14 ทีมนำเสนอสามารถแบ่งได้เป็น 4 เทรนด์ คือ 1.การจัดการข้อมูลสุขภาพ (Medical Data Management) 2.การติดตามข้อมูลสุขภาพของบุคคล (Health Tracking) 3.การเชื่อมโยงข้อมูลที่ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นในลักษณะทางไกลได้ (Remote Health Care) และ 4.นวัตกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น (Innovations for better living)” นายไบรอันกล่าว
นายไบรอันกล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นนโยบายที่กลุ่มอลิอันซ์มุ่งมั่นในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ลูกค้าต้องการสินค้าและบริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว และไม่ซับซ้อน บริษัทจึงปรับตัวและพัฒนาการบริการที่สร้างความพึงพอใจลูกค้าสูงสุด โดยเฉพาะเทรนด์การดูแลสุขภาพที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกับการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิต โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นสังคมสูงวัยนั้น การดูแลสุขภาพทั้งแบบเชิงป้องกันและเชิงรุกเป็นสิ่งสำคัญและเป็นที่ต้องการ จึงเป็นอีกพื้นที่ที่บริษัทประกันสามารถเข้ามามีบทบาทและช่วยส่งเสริมให้เกิด Solution ในการดูแลสุขภาพที่ครบวงจรได้
“การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือนวัตกรรมด้านดิจิทัลเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะสร้าง Solution ต่างๆ ให้เกิดขึ้น ประกอบกับสตาร์ตอัพที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาสร้างสรรค์สินค้าและบริการเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อลิอันซ์ อยุธยา เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มสตาร์ตอัพว่าจะเข้ามาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในธุรกิจ จึงต้องการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของสตาร์ตอัพไทย เพื่อประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในอนาคต” นายไบรอันกล่าว
สำหรับ 14 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ ประกอบด้วย
1.DOCTOR A TO Z ซอฟต์แวร์ Medical Tourism แพลตฟอร์มที่ให้บริการทางการแพทย์ให้บริการกับชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย และประเทศใกล้เคียงให้เข้ามารักษาตัวหรือตรวจสุขภาพในประเทศไทย
2.GOOGREEN แพลตฟอร์มการเปลี่ยนขยะรีไซเคิลเป็นแต้มสะสม เพื่อมาแลกเป็นรางวัล
3.HEALTH SMILE : SPECIFIC HOME HEALTH CHECKUP แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับตรวจสุขภาพที่เฉพาะเจาะจง สะดวก และประหยัด
4.BIWHOMEBOND กระจกพิเศษที่คุณจะสามารถตรวจสอบสุขภาพของคนที่คุณรักได้ทุกๆ วัน ซึ่งจะแจ้งเตือนความเสี่ยงที่ทำให้เกิดเหตการณ์ไม่คาดฝันจากโรคร้ายและอุบัติเหตุ โดยประมวลผลด้วยผลลัพธ์จากอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งแบบสวมใส่และไม่สวมใส่ผ่าน AI คอมพิวเตอร์
5.LOOPS แอปพลิเคชั่นสำหรับการเดินทางแบบทางเดียวกันไปด้วยกันสำหรับโรงเรียน
6.MEDIBOOK24 ระบบบันทึกข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลแบบอิเล็กทรอนิกส์ติดตัวคุณไปทุกที่ทุกเวลา สามารถมอนิเตอร์สุขภาพได้แบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยวิเคราะห์แนวโน้มสุขภาพได้
7.THE RED BOX บริหารจัดการทรัพย์สินดิจิทัลของคุณ
8.VITABOOST WELLNESS ให้บริการออกแบบและผลิตวิตามินสูตรเฉพาะของแต่ละคนตามผลเลือดตามหลักเวชศาสตร์ชะลอวัยแบบส่งตรงถึงบ้าน
9.WE CHEF (THAILAND) เปลี่ยนครัวที่บ้านเป็นงาน เปลี่ยนฝีมือทำอาหารเป็นเงิน เชื่อมโยงธุรกิจอาหารและธุรกิจประกันโดยใช้เทคโนโลยีเชื่อมสองเรื่องเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ
10.MEDISEE คอมมูนิตี้ด้านสุขภาพที่เชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพจากโรงพยาบาลและคลินิกของคุณ เพื่อให้สิทธิ์การวางแผนสุขภาพเป็นของคุณโดยแท้จริง
11.PILLPOKET แพลตฟอร์มผู้ให้บริการ API เชื่อมต่อหน่วยธุรกิจด้านสุขภาพ เช่น ร้านขายยา, telemedicine, medical device และบริษัทประกันภัยสำหรับดำเนินธุรกรรมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการเงิน
12.REMOTE-CARE ระบบเพื่อใช้ดูและติดตามข้อมูลสุขภาพของคนที่ท่านรักและห่วงใยผ่านอุปกรณ์สวมใส่ และแจ้งเตือนมายังผู้ดูแลเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ
13.CARPOOL รวมกลุ่มกันขับดีมีเงินคืนสูงสุด 30% ทุกปี
14.DIAMATE แอปพลิเคชั่นบนมือถือที่ช่วยให้ควบคุมปัจจัยเสี่ยงในการเป็นเบาหวานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน ด้วยข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่เป็นประโยชน์ผ่านทางแอปพลิเคชั่นได้ทุกที่