“เมืองไทยประกันภัย” ตั้งเป้าปี’61 เบี้ยรับ 13,500 ล้านโต 10%

“เมืองไทยประกันภัย” ตั้งเป้าปี’61 เติบโต 10% หรือมีเบี้ยรับตรงอยู่ที่ 13,500 ล้านบาท หวังรักษาตำแหน่งเบอร์ 4 ของอุตสาหกรรม เสริมแกร่งขยายงานช่องทางออนไลน์ผ่านดิจิทัล เล็งฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มกลุ่มเจนวาย มั่นใจ 3 ปี ต้องเป็น TOP 3

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันภัย (MTI) เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจปราบเซียน แม้ว่าจะอยู่ในวงการประกันภัยมาแล้วกว่า 17 ปี แต่แนวโน้มธุรกิจประกันภัยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันประกันถือเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนไทยไปแล้ว ซึ่งการที่จะมาเล่นแข่งขันด้านราคา จ่ายค่าคอมมิชชั่นตัวแทน/นายหน้าเพียงอย่างเดียวอย่างเช่นอดีตคงลำบาก ซึ่งในปี 2561 ถือเป็นการกลับมาเต็มตัวอีกครั้งและจะเห็นภาพลักษณ์ใหม่ที่คนจะรู้จักเมืองไทยประกันภัยมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันรับตรงอยู่ที่ 13,500 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แบ่งสัดส่วนเป็นประกันภัยรถยนต์ (Motor) 52% และเป็นประกันภัยที่ไม่ใช่รถ (Non-Motor) 48%

ปีนี้เรามุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขยายช่องทางการขายออนไลน์ผ่านระบบดิจิทัล เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากยิ่งขึ้น โดยทิศทางในปี 2561 มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยหลากหลายประเภท โดยเน้นผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ (Health) ในด้านประกันรถยนต์เน้นแบบประกัน 2+ และ 3+ ซึ่งเพิ่มความคุ้มครองครอบคลุมความเสียหายของรถที่เกิดจากภัยธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วม และเหตุแผ่นดินไหว ลูกเห็บและลมพายุ ซึ่งแต่เดิมจะคุ้มครองเฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น

นอกจากนี้ยังพัฒนาให้มีประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองส่วนเพิ่มจากประกันรถยนต์ปกติ (Motor Top Up) ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองหมวดที่ต้องการได้เองโดยไม่ถูกบังคับแบบแพคเกจ เช่น เงินชดเชยระหว่างรถเข้าซ่อม เงินชดเชยรายวันกรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เงินชดเชยทรัพย์สินภายในกรณีรถถูกโจรกรรม ด้านประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ซึ่งเป็นแผนประกันภัยสำหรับวัยทำงาน ครอบครัว และเด็ก ที่มีจุดเด่นที่ต่างกันในแต่ละแผน โดยแผนครอบครัวมีทุนประกันภัยหลักถึง 1 ล้านบาท พร้อมความคุ้มครองคู่สมรส และบุตรสูงสุด 2 คน อีกทั้งยังร่วมโครงการเพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพ ที่ให้ประชาชนสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีรายได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 15,000 บาท รวมถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ของภาครัฐ อีกด้วย

ซึ่งปี 2561 บริษัทฯ จะเน้นช่องทางการขายผ่านออนไลน์ E-Commerce ผ่านช่องทาง “MTI connect ต่อติดประกันภัยยุคดิจิทัล” ซึ่งจะก้าวสู่โลกออนไลน์เต็มรูปแบบ ด้วยเว็บไซต์ใหม่ www.mticonnect.com ที่ให้บริการขายประกันออนไลน์ครบวงจร มีแผนประกันภัยต่างๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยโรคมะเร็ง รวมถึงประกันอัคคีภัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ด้วยขั้นตอนง่ายๆ สามารถชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที โดยเฉพาะการประกันภัยการเดินทาง ระบบจะทำการจัดส่งกรมธรรม์ให้ลูกค้าทางอีเมลได้ทันที เพื่อนำไปใช้เป็นเอกสารประกอบการขอวีซ่าได้อย่างสะดวกสบาย โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยสำหรับการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นปีแรกอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท


“นอกจากนี้เพื่อขยายการเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มคน Gen Y ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปได้มากขึ้น จะใช้การสื่อสารภาพลักษณ์ที่ทันสมัยเข้าถึงง่ายผ่านช่องทางดิจิทัล และโซเชียลมีเดีย โดยมีการวางกรอบกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ ภายใต้แนวคิดหลัก “Engaged Brand” เพื่อตอกย้ำ Positioning brand เมืองไทยประกันภัยที่เน้น “การเข้าถึง” โดยในปีนี้จะมีการพัฒนาการสื่อสารผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้มีรูปแบบที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย เหมาะกับไลฟ์สไตส์ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งกำหนดทิศทางการสื่อสารให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคการตลาดดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงและรวดเร็ว มุ่งสร้างโอกาสและความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขัน” นางนวลพรรณกล่าว