เงินบาทแข็งค่า นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟด ขณะที่โกลด์แมน แซกส์คาดการณ์ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองในประเทศยังเป็นที่จับตาของนักลงทุน แต่ยังไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินมากนัก
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2565 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (25/8) ที่ระดับ 35.88/90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (24/8) ที่ระดับ 36.07/06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
- สงกรานต์ 2567 ทางด่วนฟรี มอเตอร์เวย์ฟรี สายไหนบ้าง ฟรีถึงวันไหน
เมื่อคืนที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังนักลงทุนส่วนใหญ่เฝ้ารอการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้ (25/8) และจะสิ้นสุดในวันเสาร์ (27/8) โดยหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ “Reassessing Constraints of the Economy and Policy” ซึ่งตามกำหนดการนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค. เวลา 10.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น. ตามเวลาไทย
ซึ่งทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์ แมน แซกส์ คาดการณ์ว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะเน้นย้ำถึงการชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เหมือนกับที่เขาได้กล่าวในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดครั้งล่าสุด
ทั้งนี้โกลด์แมน แซกส์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือน ก.ย. จากนั้นจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งน้อยกว่าในการประชุมสองครั้งหลังสุดที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.75%
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่มีการประกาศเมื่อคืนนี้ (24/8) สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) ลดลง 1.0% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 89.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2563 และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ ทรงตัวในเดือน ก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือน มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแต่อย่างใด โดยนักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศในช่วงปลายสัปดาห์ โดยในวันนี้ (25/8) จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2) ส่วนในวันศุกร์ (26/8) จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PEC) เดือน ก.ค.
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค โดยปัจจัยทางการเมืองยังเป็นที่จับตาของนักลงทุนแต่ในขณะนี้ยังไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินมากนัก โดยล่าสุดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่รักษาการนายกฯวันแรก หลังจากเมื่อวานนี้ (24/8) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัยกรณีวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี
โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 35.79-36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 35.80/82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (25/8) ที่ระดับ 0.9985/97 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (24/8) ที่ระดับ 0.9945/47 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาหลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลง
นอกจากนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรยังสามารถแข็งค่าทะลุแนวต้านที่ระดับ 1.0000 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ขึ้นมาได้หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยในวันนี้ (25/8) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 ขยายตัว 0.1% ในการประมาณการครั้งที่สอง เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ และหากเมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 2/2565 ของเยอรมนีขยายตัว 1.7% หลังปรับค่าตามปฏิทินและเงินเฟ้อแล้ว
ซึ่งตัวเลขดังกล่าวดีกว่าการประมาณการครั้งแรกและดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาลงอันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง และความไม่แน่นอนจากกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 0.9976-1.0032 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0000/02 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (25/8) ที่ระดับ 136.80/82 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (24/8) ที่ระดับ 136.45/47 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงหลังยังถูกกดดันจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกที่เริ่มมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐ ที่ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีได้ยืนเหนือระดับ 3.1% ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความแตกต่างในด้านผลตอบแทนระหว่างสองสกุลเพิ่มมากขึ้น
โดยในวันนี้รัฐบาลญี่ป่นได้คงการประเมินภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยระบุว่าสำหรับแนวโน้มในระยะสั้นนั้น เศรษฐกิจของประเทศมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ อันเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกประกาศใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน นอกจากนี้ ยังเตือนว่าการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าจะส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
นอกจากนี้รัฐบาลญี่ปุ่นยังประเมินว่า การอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนจะยังสามารถฟื้นตัวในระดับปานกลาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในช่วงวันหยุดฤดูร้อนและช่วงเทศกาลวันหยุดสำคัญที่ผ่านมา ผู้บริโภคใช้บริการด้านการขน่งเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 136.32-136.98 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 136.39/41 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมา 2/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2) ของสหรัฐ (25/8), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.ค.ของสหรัฐ (26/8)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -5.70/-5.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -7.80/-5.60 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ