“เมืองไทยประกันชีวิต” ผลงานเด่นเบี้ยรวมทะลุแสนล้านโต 6% เดินหน้าผุดบริการ “Gettgo”

“เมืองไทยประกันชีวิต” ผลงานเด่นเบี้ยรวมทะลุแสนล้านโต 6% เดินหน้าผุดบริการ “Gettgo” เว็บไซต์ซื้อประกันออนไลน์ นำร่อง “ประกันเดินทาง” เจาะลูกค้ายุคใหม่โกยเบี้ยปีแรก 10 ล้าน

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 102,681 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 97,013 ล้านบาท ถือเป็นปีแรกของประวัติศาสตร์บริษัทนับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมากว่า 66 ปี และยังเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งที่ 2 ในประเทศไทยที่สามารถมีเบี้ยรับรวมทะลุหลักแสนล้านบาทได้สำเร็จจากก่อนหน้านี้ที่เอไอเอเคยทำได้แล้ว โดยปัจจุบันบริษัทมีความเพียงพอของเงินกองทุนสูงถึง 400% และมีขนาดของสินทรัพย์อยู่ที่ 4 แสนล้านบาท

“แม้ว่าปี 2560 ที่ผ่านมาจะเป็นปีที่ท้าทายกับธุรกิจประกันชีวิตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะยุคของโอกาสในการปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ทำให้ต้องเผชิญกับภาวะของสังคมที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปในลักษณะแบบ One to One มากขึ้นหรือกฎเกณฑ์การกำกับต่างๆ ก็ส่งผลกระทบ แต่ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่เราพยายามปรับตัวมาแล้ว 3-4 ปี เพื่อสร้าง S-Curve ล้อไปกับเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ทำให้ปีนี้เราประสบความสำเร็จได้อย่างที่เห็น” นายสาระกล่าว

นายสาระกล่าวว่า สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวมไม่ต่ำกว่าปี 60 ในขณะตัวเลขการเติบโตไม่ต่ำกว่าตัวเลขของทั้งอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทย โดยคาดว่าจะรับรู้ผลกำไรของบริษัทเติบโตมากกว่าปีก่อนหรือราว 8,300 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ภายใต้โครงการเมืองไทยกรุ๊ปได้ร่วมกับบริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด เปิดตัวบริการซื้อขายประกันแบบออนไลน์ภายใต้ชื่อ “Gettgo” ซึ่งเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาช่วยทำให้เรื่องของการซื้อประกันเป็นเรื่องที่ง่าย สะดวก สามารถเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน โดย Gettgo สามารถได้รับใบอนุญาตทั้งในส่วนของประกันชีวิตและประกันวินาศภัย โดยได้เริ่มทดลองไปแล้วราว 3 เดือนตั้งแต่ไตรมาส 4/60 มีลูกค้าเข้ามาแล้วกว่า 1,000 คน จำนวนกรมธรรม์อยู่ที่ 3,000 ฉบับ คาดว่า 1 ปี จะสามารถสร้างเบี้ยได้ประมาณ 10 ล้านบาท

“ซึ่งตอนนี้นำร่องขายประกันการเดินทางเป็นโปรดักต์แรกของพาร์ตเนอร์ 5 บริษัท ได้แก่ อลิอันซ์ประกันภัย, เมืองไทยประกันภัย, เอเชียประกันภัย,แอกซ่าประกันภัย และเอ็มเอสไอจีประกันภัย ก่อนจะขยายไปสู่ประกันรถยนต์ในไตรมาส 1/61 โดยเพิ่มพาร์ตเนอร์เข้ามาอีก 3 ราย ได้แก่ ประกันคุ้มภัย, เจ้าพระยาประกันภัย และชับบ์สามัคคีประกันภัย นอกจากนี้ กำลังเตรียมแผนเพิ่มโปรดักต์ประกันสุขภาพ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาอีก 3-4 ราย”

นายสาระกล่าวว่า โดยกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ภายใต้นโนบาย “Customer @ the heart” พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมเพื่อมาตอบโจทย์แบบ Outside in ซึ่งจะเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้เป็นอย่างดีใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.Segment of one ซึ่งจะมุ่งเน้นการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ สู่ลูกค้าในรูปแบบที่เป็น One to One ซึ่งจะเหมาะกับลูกค้าเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น 2.Health focus คือการเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบวงจรในทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมปลดล็อคข้อจำกัดด้านประกันสุขภาพและสร้างนวัตกรรมใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

3.Digital insurer บริษัทฯ ได้มีการพัฒนา Platform และเครื่องมือเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ 4. Regional company บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในต่างประเทศ อาทิ บริการ Global Connect ซึ่งลูกค้าที่เจ็บป่วยในต่างประเทศสามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย และ 5.Touch Points ซึ่งเป็นจุดในการสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขายหลักๆ เช่น ช่องทาง Face to Face, Digital, สาขา, Visual ฯลฯ

“บริษัทยังคงเดินหน้าในการสร้าง Eco-system Partnership ด้วยการสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรทางธุรกิจในด้านต่างๆ รวมถึงนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ บริการที่เข้าถึงและกิจกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพอย่าง MTL Six Packs หรือบริการด้านการดูแลผู้ป่วยแบบ Home Care จาก Health at Home รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในด้านต่างๆ การให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสากล และการดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาล และเพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบนโลกยุคใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง จึงได้จัดตั้ง Fuchsia Venture Capital (Fuchsia VC) ซึ่งเป็นบริษัทของเมืองไทยกรุ๊ปขึ้น เพื่อเชื่อมต่อกับพันธมิตรในกลุ่มที่เป็นสตาร์ทอัพในการลงทุนและนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน Insure Tech, Health Tech, IoT หรือนวัตกรรมในด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่ม Know how ความสามารถและการตอบโจทย์ลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ได้” นายสาระกล่าว