คลังรายงานผลดำเนินการ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เกิดความคุ้มค่า 3.24 เท่า

กู้เงิน

คลังรายงานผลการประเมินภาพรวมโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ครั้งแรก 19 โครงการ พบอยู่ในระดับดีมาก สามารถสร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 2.6 ล้านล้านบาท คาดว่าจะมีรายได้กลับคืนภาครัฐสูงสุด 5.12 แสนล้านบาท เกิดความคุ้มค่า 3.24 เท่า

วันที่ 28 กันยายน 2565 นายวรภัทร โตธนะเกษม ในฐานะประธานกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด เปิดเผยว่า คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด (คปก.) จัดทำรายงานการประเมินผลโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินโควิด-19 กรอบวงเงิน 1 ล้านล้านบาท เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบ ดังนี้

1.กรอบการประเมินผล

1.1 ระดับภาพรวม : เป็นการประยุกต์ใช้แบบจำลอง เพื่อประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม

1.2 ระดับแผนงาน : เป็นการประเมินผลการดำเนินงานโดยประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ห่วงโซ่ผลสัมฤทธิ์

1.3 ระดับโครงการ : เป็นการประเมินผลโดยใช้กรอบแนวคิดของ Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD) และ Japan International Cooperation Agency (JICA) โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมินผลในระดับโครงการ 5 ด้าน ได้แก่ (1) ความสอดคล้องและความเชื่อมโยง (2) ประสิทธิภาพ (3) ประสิทธิผล (4) ผลกระทบ และ (5) ความยั่งยืน และแบ่งผลการประเมินภาพรวมออกเป็น 4 ระดับคือ ระดับดีมาก (A) ระดับดี (B) ระดับพอใช้ (C) และระดับควรปรับปรุง (D)

ทั้งนี้ การประเมินผลจะสุ่มตัวอย่างโครงการ/แผนงาน จำนวน 400 โครงการ ตามหลักสถิติ ซึ่งในรายงานการประเมินผลครั้งนี้ จะพิจารณาคัดเลือกโครงการแล้วเสร็จที่มีขนาดใหญ่ มีการกระจายตัวทั่วประเทศ วงเงินสูง และ/หรือมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญ จำนวน 19 โครงการ มีกรอบวงเงินตามที่ ครม.อนุมัติรวม 805,106.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 81.95 ของกรอบวงเงินกู้

2.ผลการประเมิน

ผลการประเมินในภาพรวมของโครงการภายใต้พระราชกำหนด ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 19 โครงการ ดังกล่าวข้างต้น มีผลการดำเนินงานเฉลี่ยอยู่ในระดับดีมาก (A) และสามารถสร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำนวน 2,654,954.75 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีรายได้กลับคืนภาครัฐสูงสุด จำนวน 512,406.26 ล้านบาท รวมถึงเกิดความคุ้มค่า 3.24 เท่า โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน สรุปได้ดังนี้

2.1 แผนงานที่ 1 แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 : จำนวน 9 โครงการ มีกรอบวงเงินตามที่ ครม.อนุมัติรวม 33,719.31 ล้านบาท ผลเบิกจ่ายรวม 33,638.90 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.76 ของกรอบวงเงินตามที่ ครม.อนุมัติ (ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2565) โดยมีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (A) และผลการประเมินตามหลักเกณฑ์การประเมินทั้ง 5 ด้านอยู่ในระดับดี (a)

ขณะที่ในด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและประชาชนที่ติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 27,348.65 ล้านบาท จำนวนผู้รับประโยชน์ 13.64 ล้านราย ด้านผลกระทบทางสังคมที่สำคัญคือ ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และมีความเชื่อมั่นต่อการให้บริการและการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุข คิดเป็นร้อยละ 91.70 รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์มีความเชื่อมั่นต่อระบบการให้บริการและการรักษาของโรงพยาบาลและระบบสาธารณสุข คิดเป็นร้อยละ 85.00

2.2 แผนงานที่ 2 แผนงาน หรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 : จำนวน 6 โครงการ มีกรอบวงเงินตามที่ ครม.อนุมัติรวม 636,203.61 ล้านบาท ผลเบิกจ่าย
รวม 634,254.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.69 ของกรอบวงเงินตามที่ ครม.อนุมัติ (ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2565)

“โดยมีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (A) ผลการประเมินตามหลักเกณฑ์การประเมินทั้ง 5 ด้าน ด้านความสอดคล้องและความเชื่อมโยง ด้านประสิทธิภาพ ด้านประสิทธิผล และด้านผลกระทบ อยู่ในระดับดี (a) ส่วนด้านความยั่งยืนอยู่ในระดับพอใช้ (b) เนื่องจากเป็นโครงการที่มีลักษณะการช่วยเหลือเยียวยาในระยะสั้น จึงไม่ส่งผลต่อโครงการในด้านความยั่งยืน”

ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจคือ ช่วยสร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำนวน 2,099,263.97 ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐสูงสุด จำนวน 405,157.94 ล้านบาท รวมทั้งมีความคุ้มค่า 3.19 เท่า จำนวนผู้รับประโยชน์ 77.72 ล้านราย ด้านผลกระทบทางสังคมที่สำคัญคือ ช่วยลดความเครียดของประชาชน ชะลอการเกิดหนี้เสีย และเกิดการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค
ข้อเสนอแนะที่สำคัญ

2.3 แผนงานที่ 3 แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 : จำนวน 4 โครงการ มีกรอบวงเงินตามที่ ครม.อนุมัติ รวม 135,183.63 ล้านบาท ผลเบิกจ่ายรวม 127,885.41 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 94.60 ของกรอบวงเงินตามที่ ครม.อนุมัติ (ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2565) โครงการที่สำคัญ อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการกำลังใจ เป็นต้น

“มีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (A) ผลการประเมินตามหลักเกณฑ์การประเมินทั้ง 5 ด้าน ด้านความสอดคล้องและความเชื่อมโยง ด้านประสิทธิผล และด้านผลกระทบ อยู่ในระดับดี (a) สำหรับด้านประสิทธิภาพ และด้านความยั่งยืน อยู่ในระดับพอใช้ (b) เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการรอตรวจสอบทุจริตในการเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการ อันส่งผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น จึงส่งผลให้โครงการไม่เกิดความยั่งยืน”

ด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจ คือช่วยสร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำนวน 555,690.78 ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐสูงสุดจำนวน 107,248.32 ล้านบาท รวมทั้งมีความคุ้มค่า 3.45 เท่า จำนวนผู้รับประโยชน์ 57.40 ล้านราย ส่วนผลกระทบทางสังคมที่สำคัญคือ ลดความเครียดของประชาชน ลดการเลิกจ้างงาน เพิ่มทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ให้ดีขึ้น และส่งเสริมการเป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Society)

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษารายงานการประเมินผลโครงการรอบ 6 เดือน ครั้งที่ 1 ได้ที่ www.pdmo.go.th
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สำนักบริหารและประเมินผลโครงการลงทุนภาครัฐ