แบงก์ประเมินกรอบค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่า 37.50-38.30 บาทต่อดอลลาร์ จับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐ-เงินเฟ้อไทย-ราคาทองคำ ปัจจัยกดดัน คาดเงินทุนไหลออก 5 พันล้านบาท
วันที่ 2 ตุลาคม 2565 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 3-7 ตุลาคม 2565) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 37.50-38.30 บาทต่อดอลลาร์
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
โดยปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินบาท คือ แนวโน้มราคาทองคำ ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐ โดยเฉพาะบอนด์ยีลด์ 5 ปี และบรรยากาศในตลาดการเงิน (เปิดรับความเสี่ยง หรือ ปิดรับความเสี่ยง)
ขณะที่ไฮไลต์ข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐ รอติดตามข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกา ทั้งยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (nonfarm payrolls), การเติบโตของค่าจ้าง (wage growth) รวมถึงตำแหน่งงานเปิดรับ (job openings)
นอกจากนี้ รอจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยรวม ผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ที่สำรวจโดย ISM ในเดือนสิงหาคม 2565 และต้องติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด หลังจากที่บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างออกมาสนับสนุนการเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดจะรอจับตาภาพเศรษฐกิจยุโรปผ่านรายงานยอดค้าปลีก (retail sales) เดือนสิงหาคม ซึ่งอาจหดตัวลง -0.5% จากเดือนก่อน จากปัญหาเงินเฟ้อสูงและภาพเศรษฐกิจโดยรวมชะลอลงต่อเนื่อง
และปัจจัยในไทย รายงานข้อมูลสำคัญ คือ เงินเฟ้อ CPI เดือนกันยายน ซึ่งตลาดประเมินว่าจะชะลอตัวลงจากเดือนสิงหาคมสู่ระดับ 6.6% นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตของไทย รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือนกันยายน
สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นขายสุทธิ 7.1 พันล้านบาท และตลาดพันธบัตร (บอนด์) ขายสุทธิ 2.26 หมื่นล้านบาท โดยคาดฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้า ตลาดการเงินโดยรวมยังคงอยู่ในโหมดปิดรับความเสี่ยง ทำให้มีโอกาสที่เงินอาจจะไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อได้บ้าง
“มองขายหุ้นสุทธิ 5 พันล้านบาท (อาจกลับมาซื้อช่วงปลายสัปดาห์ หลัง SET ปรับตัวใกล้โซนแนวรับใหม่) ส่วนบอนด์ การปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายบอนด์ระยะยาวออกมาได้อีก เพื่อจำกัดการขาดทุน หรือ ขายทำกำไร ทำให้โดยสุทธิ อาจเป็นฝั่งขายสุทธิราว 3 พันล้านบาท แรงขายน่าจะค่อย ๆ หมดไปในช่วงปลายสัปดาห์”
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 37.50-38.30 บาทต่อดอลลาร์
โดยติดตามข้อมูลจ้างงานเดือนกันยายนของสหรัฐ และเสถียรภาพตลาดการเงินในอังกฤษ กระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยเร่งตัวในระยะนี้ ท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกตึงตัว ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าคุมเข้มนโยบาย ส่งผลให้นักลงทุนกังวลกับทิศทางเศรษฐกิจโลก
“ต้องติดตามสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยเราคาดว่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวนสูงตามปัจจัยตลาดโลกเป็นสำคัญ”