
วันนี้ (25 ม.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารธนาคารออมสิน
โดยนายสมคิดล่าวว่า ธนาคารออมสินถือว่าเป็น “มือที่สำคัญ” ของรัฐบาลมาตลอด ซึ่งในระยะ 1 ปีข้างหน้านี้ อยากให้ธนาคารดูแลลูกค้า 4 กลุ่มที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มฐานราก กลุ่มคนชั้นกลาง กลุ่มสตาร์ตอัพ และกลุ่มผู้สูงวัย อย่างไรก็ดี จากแผนงานที่ธนาคารเสนอก็มีความสอดคล้องกับแนวทางนี้
ทั้งนี้ ต้องการให้ธนาคารมุ่งเน้นการ “พัฒนา” ลูกค้ามากขึ้นกว่าแค่การ “ให้” เงินสินเชื่ออย่างเดียว โดยธนาคารต้องลงพื้นที่พบปะลูกค้าแบบรายตัวเหมือนกับที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำ นอกจากนี้ต้องการให้ดูแลธุรกิจเอสเอ็มอีมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีการร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือธนาคารกรุงไทย
นายอภิศักดิ์กล่าวว่า ได้ให้นโยบายธนาคารออมสิน ปรับบทบาทจากธนาคารที่เน้นการออม ไปเป็นธนาคารที่ช่วยคนยากจน หรือด้อยโอกาสให้สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลทำเรื่องบัตรสวัสดิการ เฟส 2
“คลังมาฝากให้เขาช่วยในโครงการบัตรสวัสดิการเฟส 2 เพราะการช่วยคนเหล่านี้ต้องมีคนลงไปสัมผัสเขาโดยตรง ซึ่งจะมีคนที่เรียกว่า AO ลงไปคอยดูแลผู้มีรายได้น้อยแต่ละราย ทำหน้าที่เหมือนหมอ สั่งยาให้แต่ละคน พ้นจนได้เร็วที่สุด โดยจะเริ่มต้นโครงการในเดือน ก.พ.นี้ จะมีเปิดลงทะเบียนก่อน เพื่อสัมภาษณ์ว่าเขาอยากทำอะไร หรือใครที่อยากเป็นเถ้าแก่ ก็จะมีโครงการรองรับ จากนั้นในช่วงไตรมาส 2 น่าจะจัดให้คนมีงานทำได้” นายอภิศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ AO จะต้องรายงานผลกลับมาเพื่อให้รัฐประเมินผลการดำเนินงานในโครงการนี้ด้วย ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะต้องมีการจ้างนักศึกษาระดับปริญญาตรีเข้ามาทำหน้าที่ AO ในโครงการนี้ด้วย
รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า โครงการสร้างงาน สร้างอาชีพนี้ จะดูแลคนมีรายได้น้อยทั้ง 11.4 ล้านคนที่ลงทะเบียน ไม่เฉพาะผู้ที่รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี เพียงแต่จะเน้นกลุ่มดังกล่าวมากหน่อย เพราะอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารจะจ้างนักศึกษาปริญญาตรี 2,000 คน มาทำหน้าที่ AO ซึ่งจะต้องมีการอบรมก่อน