คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (3-7 ต.ค.) ช่วงต้นสัปดาห์ปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,530-1,550 จุด และรีบาวนด์กลับมาในช่วงปลายสัปดาห์
โดย “สุนทร ทองทิพย์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นที่ทำผลงานได้ดี จะเป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และข่าวที่จีนมีโอกาสผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID รวมถึงการเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มเปิดเมือง กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากจีน รีบาวนด์ขึ้นมาค่อนข้างแรง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ขณะที่คืนวันศุกร์ สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payrolls) เดือน ก.ย. หากตัวเลขการจ้างงานออกมาน้อยกว่าที่คาดจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ แต่หากตัวเลขออกมาแข็งแกร่งจะกดดันตลาดหุ้น
ซึ่งในสัปดาห์ข้างหน้านี้ (10-14 ต.ค.) “สุนทร” กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยจะเปิดซื้อขายเพียง 3 วัน โดยประเมินแนวรับไว้ที่บริเวณ 1,580-1,550 จุด ส่วนแนวต้านที่บริเวณ 1,620-1,650 จุด ซึ่งกรอบที่ให้ค่อนข้างกว้างเนื่องจากตลาดจะผันผวนจากรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ย. ที่ในเบื้องต้นตลาดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อสหรัฐรอบนี้จะอยู่ที่ 8% ชะลอตัวลงจาก 8.3% ในเดือน ส.ค.
“หากเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่า 8% จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลง แต่นักลงทุนจะยังคงไม่คลายกังวล เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อต่อไปจนถึงปีหน้า”
สำหรับกลยุทธ์ลงทุน เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวในประเทศและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน จากโอกาสผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID และเปิดประเทศ เช่น AOT, ERW, AWC หรือกลุ่มโรงพยาบาลที่รับลูกค้าคนจีนอย่าง EKH รวมถึงหุ้นเครื่องสำอางอย่าง OCC, KAMART และหุ้นกระดาษ อย่าง SCGP