กลุ่มทิสโก้ โชว์กำไรปี’65 อยู่ที่ 7.2 พันล้าน อานิสงส์สินเชื่อ-รายได้ดอกเบี้ยโต

ทิสโก้
Photo : Pixabay

กลุ่มทิสโก้ เปิดผลงานปี 2565 มีกำไรสุทธิ 7,222 ล้านบาท เติบโต 6.4% จากปีก่อน อานิสงส์สินเชื่อโต 7.9% หนุนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2.2% ด้านเงินสำรองสูงถึง 258.8% พร้อมเปิดกลยุทธ์ปี 2566 ปักหมุดสู่ “ปีแห่งการเติบโต” สอดรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขับเคลื่อน “นวัตกรรม” เสริมแกร่งการแข่งขัน

วันที่ 16 มกราคม 2566 นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (Mr.Sakchai Peechapat, Group Chief Executive, TISCO Financial Group Public Company Limited) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้สำหรับปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 7,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับปี 2564 อยู่ที่ 6,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 437 ล้านบาท

สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อที่สามารถเติบโตได้ถึง 7.9% ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2.2% จากปีก่อนหน้า พร้อมด้วยค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกันภัยขยายตัวถึง 24.0% สอดคล้องกับปริมาณสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ขยายตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ทำให้ภาพรวมรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้น 13.4%

นอกจากนี้ ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss-ECL) ปรับตัวลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 0.3% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เป็นไปตามการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและภาวะความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายลง

ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์
ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนชะลอตัวลงจากปี 2564 ทั้งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์หดตัว 19.2% จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนอ่อนตัวลง 33.2% จากยอดขายที่ลดลงของกองทุนที่ออกใหม่ ประกอบกับบริษัทไม่ได้รับรู้ค่าธรรมเนียมตามผลประกอบการเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากสภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้ออำนวย รวมถึงผลกำไรจากเงินลงทุนลดลงเมื่อเทียบกับผลกำไรในปี 2564

ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) สำหรับปี 2565 อยู่ที่ 17.2% เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีจำนวน 219,004 ล้านบาท เติบโต 7.9% จากสิ้นปีก่อนหน้า จากการขยายตัวของสินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อ SMEs โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนผ่านช่องทาง “สมหวัง เงินสั่งได้” สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 26.0% จากสิ้นปีก่อนหน้า ตามการเปิดเครือข่ายสาขาที่เพิ่มขึ้นในระหว่างปี

ในส่วนของสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPLs) ลดลงจากสิ้นปี 2564 มาอยู่ที่ 2.1% ของสินเชื่อรวม เป็นไปตามนโยบายการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ตรงจุด ทั้งนี้ ระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Loan Loss Coverage Ratio) ณ สิ้นปี 2565 อยู่ในระดับสูงถึง 258.8%

ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 23.4% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 19.6% และ 3.7% ตามลำดับ

นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยกลุ่มทิสโก้ประเมินว่าจะขยายตัวที่ระดับ 3-4% มีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และการบริโภคภาคเอกชนที่มีทิศทางขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการจ้างงานในภาคบริการ

อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการส่งออกที่อาจหดตัวลงตามการชะลอตัวของประเทศคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐ และยุโรป ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าจะทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ มาอยู่ที่ระดับ 2%

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ในปี 2566 นี้ กลุ่มทิสโก้จึงปรับกลยุทธ์เข้าสู่โหมดของ “การเติบโต” โดยนำความเชี่ยวชาญในทุกแขนงมาพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ดังนี้

เร่งขยายการเติบโตธุรกิจสินเชื่อในเชิงรุก โดยเน้นกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกันที่กลุ่มทิสโก้มีความเชี่ยวชาญ ในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเพื่อการบริโภค ด้วยการกระจายเครือข่ายสาขาอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการเติบโตในธุรกิจสมหวัง เงินสั่งได้ และ TISCO Auto Cash ด้านกลุ่มธุรกิจบรรษัทจะมุ่งขยายการเติบโตภายใต้จุดแข็ง Total Solution ที่ตอบโจทยลูกค้าได้อย่างรอบด้านและดีที่สุด

สร้างการเติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียม ในกลุ่มธุรกิจนายหน้าประกันภัย ธุรกิจธนบดีและตลาดทุน โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ และนำเสนอบริการที่มุ่งสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ผ่านจุดแข็งของการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน-การลงทุนที่ดี และนำเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ ที่ช่วยเตรียมความพร้อมสู่ความมั่นคงทางการเงินของลูกค้า รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

ยกระดับการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล และพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งให้เกิดระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบัน รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

ขับเคลื่อนองค์กรด้วยความยั่งยืน โดยบูรณาการเข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการดำเนินงาน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance : ESG) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย


“ในปีนี้ กลุ่มทิสโก้ ปรับเป้าหมายเข้าสู่โหมดของการเติบโต โดยยังคงดำเนินการภายใต้กรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ขณะเดียวกันจะเดินหน้าบ่มเพาะวัฒนธรรมการสร้างนวัตกรรม (Culture of Innovation) โดยบูรณาการทั้งบุคลากร (People) ขั้นตอน (Process) เทคโนโลยี (Technology) และข้อมูล (Data) เพื่อให้สามารถออกแบบการให้บริการลูกค้าในลักษณะของ Lifetime Solution ได้อย่างชัดเจนและรอบด้านขึ้น เพื่อเป็นสถาบันการเงินที่ลูกค้าไว้วางใจและใช้บริการในระยะยาว” นายศักดิ์ชัยกล่าว