กองทุนสิงคโปร์ ทุ่มกว่า 100 ล้าน ซื้อ Big Lot หุ้น LEO พร้อมวอแรนต์

leo global logistics

ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ เผยกองทุนจากสิงค์โปร์เข้าซื้อ Big Lot หุ้น LEO จำนวน 9 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 13.10 บาท พ่วงซื้อวอแรนต์ Leo-w1 1 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 1.08 บาท รวม 118.98 ล้านบาท เชื่อมั่นศักยภาพผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจร

วันที่ 17 มกราคม 2566 นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ได้มีการทำรายการขายหุ้น LEO ที่เกิดขึ้นผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (Big Lot) จำนวน 9 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 13.10 บาท และ Leo-w1 จำนวน 1 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 1.08 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 118.98 ล้านบาท

สำหรับการขายหุ้นบิ๊กลอตในครั้งนี้ เป็นการทำรายการเข้าซื้อหุ้นจากกองทุนจากประเทศสิงคโปร์ ที่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ LEO หลังจากได้เข้ามาพูดคุยกับทางบริษัทมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และได้เห็นแผนการขยายธุรกิจ Logistics ทั้งในส่วนของ Freight และ Non-Freight ของบริษัท

               

โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการขยายธุรกิจใหม่ ๆ ในส่วนของ Logistics Center, Cold Chain, Self Storage และลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ที่มี Gross Profit Margin สูง รวมถึงยังมีแผนการ M&A อีกหลาย ๆ โครงการ ทั้งในและต่างประเทศที่เห็นภาพชัดเจน และสามารถรับรู้รายได้ภายในประมาณไตรมาส 3/2566 นี้ อีกทั้งการขยายธุรกิจใหม่ ๆ ที่เป็น Non-Logistics เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตเป็น Growth Stock ในทุกมิติ

เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)

“ก่อนที่กองทุนดังกล่าวจะเข้ามาซื้อหุ้น LEO ทางกองทุนได้เข้ามาพูดคุย รวมถึงศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเติบโตก่อนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท และมีความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถดำเนินธุรกิจและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง และมองเห็นถึงช่องทางการเติบโตที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรได้อย่างแน่นอน” นายเกตติวิทย์กล่าว

ทั้งนี้ การขายหุ้นบิ๊กลอตในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหาร และการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด

“จริง ๆ แล้วกองทุนดังกล่าวมีความต้องการซื้อหุ้นของบริษัทมากกว่า 9 ล้านหุ้น แต่บริษัทไม่สามารถจัดสรรให้ได้ จึงได้เสนอให้ทางกองทุนซื้อวอแรนต์ Leo-w1 แทน และไปใช้สิทธิ์ในการแปลงสภาพแทนในอนาคต ตอกย้ำถึงความมั่นใจของกองทุนดังกล่าวต่อพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท โดยจำนวนหุ้นที่ทางกองทุนจากประเทศสิงคโปร์ซื้อไปนี้คิดเป็นสัดส่วน 2.8% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท” นายเกตติวิทย์กล่าว

สำหรับภาพรวมแนวโน้มการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2566 นี้ บริษัทคาดว่าจะสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่น ทั้งกลุ่ม Logistics ที่เป็น Freight และ Non-Freight และ Non Logistics เพื่อให้สมกับการเป็นหุ้น Blue Chip Stock ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน

ทั้งนี้ ทางบริษัทจะมีการประกาศแผนธุรกิจปี 2566 รวมถึงกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตของ LEO ใน 3-5 ปีข้างหน้าอย่างเป็นทางการ ภายในเดือนมกราคม 2566 นี้